ทิ
วา คงนานดี
และคณะ ๒๐
การศึ
กษา “พื้
นที่
ทางสั
งคม” (Social Space) ของชุ
มชนกองขยะที่
สั
มพั
นธ
กั
บชี
วิ
ตของคนในพื้
นที่
นั้
น และใน
การแสดงถึ
งฐานะความเป
นชายขอบของวิ
ถี
ชี
วิ
ตในสั
งคมเมื
อง
ป
นแก
ว เหลื
องอร
ามศรี
(Pinkaew, ๒๐๐๑) พยายามชี้
ให
เห็
นว
าอิ
ทธิ
พลของรั
ฐชาติ
สมั
ยใหม
ทํ
าให
เกิ
ด
กระบวนการที่
เรี
ยกว
า “กระบวนการสร
างความเป
นชายขอบ” (Constructing Marginality) คื
อ
กระบวนการที่
รั
ฐสมั
ยใช
กลไกของอํ
านาจรั
ฐในการจั
ดแบ
งประเภทของกลุ
มชาติ
พั
นธุ
(Modern State
apparatus of ethnic classification) ที่
อยู
ในพื้
นที่
พรหมแดนของประเทศ โดยศึ
กษากลุ
มชาติ
พั
นธุ
กระเหรี่
ยง (Karen) ว
ารั
ฐได
มี
การกํ
าหนดคุ
ณลั
กษณะ การติ
ดป
ายว
าเป
นผู
ก
อป
ญหา โดยไม
ได
แยกว
าเป
นกลุ
มชาติ
พั
นธุ
ใด และกํ
าหนดแผนที่
ความเป
นไทยผ
านเรื
อนร
างของผู
คน (Thai Geo – Body ) การนิ
ยามว
าเป
นชาวป
า
คื
อคนที่
อยู
บริ
เวณชายแดน ป
าเถื่
อน ไม
เจริ
ญ โง
เขลา และล
าหลั
ง เป
นอั
นตรายต
อความมั่
นคงของชาติ
ซึ่
ง
กระบวนการเหล
านี้
มี
ผลต
อการรั
บรู
ร
วมของผู
คนในประเทศ ยิ่
งมี
การผลิ
ตซ้ํ
าผ
านเอกสารของกลุ
มขุ
นนางหรื
อ
นั
กวิ
ชาสยามในช
วงนั้
น สื่
อของกลุ
มชนชั้
นกลาง และสร
างอั
ตลั
กษณ
ความเป
นชาติ
ไทยขึ้
นมาในขอบเขตความ
เป
นเชื้
อชาติ
ไทย ก็
ยิ่
งทํ
าให
ภาพของกลุ
มชาติ
พั
นธุ
ต
างๆที่
เหมารวมกั
บกลุ
มชาติ
พั
นธุ
กระเหรี่
ยงพร
ามั
วและดู
น
า
กลั
วเข
าไปด
วย แม
ว
าในช
วงสงครามโลกครั้
งที่
สอง ลั
ทธิ
ชาติ
นิ
ยมจะรุ
นแรง การนิ
ยามความเป
นหนึ่
งเดี
ยวของ
ชาติ
กลายเป
นกระแสในช
วงนั้
น กระเหรี่
ยง ในฐานะที่
เป
นกลุ
มคนที่
ถู
กมองว
าว
านอน สอนง
าย ถู
กจั
ดเข
ามาไว
เป
นส
วนหนึ่
ง แต
ว
าเป
นการเข
ามาอยู
อี
กสถานะหนึ่
งหรื
ออี
กกลุ
มหนึ่
งที่
เรี
ยกว
า ชาวเขา ซึ่
งนั
กวิ
ชาการในช
วง
หลั
ง ก็
วิ
พากษ
วิ
จารณ
ว
า เป
นคํ
าที่
มี
ลั
กษณะคู
ตรงข
าม ในความหมายที่
ว
า ชาวเขา ก็
ไม
ใช
ชาวเรา และไม
ใช
พวก
เราอยู
ดี
ขณะเดี
ยวกั
นการเมื
องวั
ฒนธรรมยั
งสะท
อนผ
านการแย
งชิ
งในการเข
าถึ
งทรั
พยากรระหว
างรั
ฐกั
บ
ชาวบ
าน ในงานศึ
กษาของอานั
นท
กาญจนพั
นธุ
(Anan, ๑๙๙๘) เรื่
อง The Politics of Conservation and
The Complexity of Local Control of Forests in The Northern Thai Highland ได
ให
ความกระจ
างว
า
ชุ
มชนท
องถิ่
นเองก็
มิ
ได
สยบยอมต
อเครื่
องมื
อทางอํ
านาจรั
ฐไปเสี
ยหมด พบว
าหลายที่
ชุ
มชนท
องถิ่
นได
สร
าง
เครื่
องมื
อ หรื
อ ความรู
แบบใหม
ที่
เป
นทั้
งความรู
ท
องถิ่
นดั่
งเดิ
ม และความรู
ที่
มี
ผสมทั้
งความรู
สมั
ยใหม
และ
ความรู
ท
องถิ่
น เพื่
อต
อรองอํ
านาจไม
ให
ตกอยู
ภายใต
การควบคุ
มของรั
ฐไปเสยหมด โดยเฉพาะในเรื่
องการ
จั
ดการทรั
พยากร อนั
นท
พบว
า ในพื้
นสู
งแทบภาคเหนื
อของประเทศไทยซึ่
งเป
นที่
อยู
กลุ
มชาติ
พั
นธ
หลากหลาย
กลุ
มและเป
นพื้
นที่
ที่
ทรั
พยากรป
าไม
ที่
อุ
ดมสมบู
รณ
รั
ฐไทยได
สร
างวาทกรรมว
าด
วยชาวเขาทํ
าลายป
าและเป
น
ภั
ยต
อความมั่
นคงตอกย้ํ
าและสร
างมายาคติ
เพื่
อให
อยู
เป
นคู
ตรงข
ามกั
บการการอนุ
รั
กษ
สร
างความชอบธรรม
ของรั
ฐที่
จะเข
ามาควบคุ
มและขยายพื้
นที่
ของอํ
านาจรั
ฐในการจั
ดการฐานทรั
พยากร ที่
ครั้
งหนึ่
งชุ
มชนเหล
านี้
เคยมี
การใช
ประโยชน
และการจั
ดการในรู
ปของภู
มิ
ป
ญญาชาวบ
านในรู
ปแบบต
างๆ ในการปฏิ
บั
ติ
การอั
นเป
น
จริ
งของท
องถิ่
นที่
มี
ความหลากหลาย ซั
บซ
อน โดยรั
ฐสร
างการกดดั
นบี
บคั้
นและการพยามที่
จะขั
บไล
กลุ
มชาติ
พั
นธ
เหล
านี้
ออกจากพื้
นที่
โดยอ
างการอนุ
รั
กษ
พื้
นที่
ป
า โดยเฉพาะพื้
นที่
ป
าอนุ
รั
กษ
และป
าต
นน้ํ
า แต
เอาเข
าจริ
ง
กั
บพบว
าวาทกรรมการอนุ
รั
กษ
นั้
นแฝงไปด
วยเบื้
องหลั
งทางการเมื
องที่
สร
างขึ้
นมาเพื่
อต
องการที่
จะช
วงชิ
ง
ความหมายของชุ
มชนที่
มี
ต
อทรั
พยากรป
าเพื่
อความชอบธรรมในการเข
าถึ
งทรั
พยากรป
าของรั
ฐ แต
ปล
อยให