ทิ
วา คงนานดี
และคณะ ๑๙
ต
างๆ ซึ่
งเชื่
อมโยงความสั
มพั
นธ
เชิ
งอํ
านาจและความสั
มพั
นธ
เชิ
งพื้
นที่
ผ
านการเจรจาต
อรองและการต
อสู
ระหว
างคนกลุ
มต
างๆ อั
ตลั
กษณ
ชุ
มชน และท
องถิ่
นที่
มี
การปรั
บเปลี่
ยนและมี
การสร
างใหม
อยู
เสมอ จาก
ปฏิ
สั
มพั
นธ
ของการปรั
บเปลี่
ยนของพลั
งต
างๆ ที่
กํ
าหนดความเป
นไปของสั
งคม โดยพื้
นที่
ในที่
นี้
ไม
ใช
เป
นเพี
ยง
พื้
นที่
ทางกายภาพหรื
อพื้
นที่
ในชุ
มชนใดชุ
มชนหนึ่
ง แต
ว
าเป
นพื้
นที่
ของปฏิ
บั
ติ
การและปฏิ
สั
มพั
นธ
เชิ
งอํ
านาจที่
มี
การปรั
บเปลี่
ยนและเลื่
อนไหลอย
างต
อเนื่
อง อี
กทั้
งในแต
ละพื้
นที่
มี
เงื่
อนไขและบริ
บทที่
มี
ความแตกต
าง จึ
งทํ
าให
มองเห็
นพื้
นที่
และการเมื
องวั
ฒนธรรมจากเงื่
อนไขของความต
างเหล
านี้
ด
วย ดั
งนั้
น การศึ
กษาเรื่
องการเมื
อง
วั
ฒนธรรมจึ
งเป
นการศึ
กษาที่
มี
ลั
กษณะเป
นพลวั
ต เน
นการตี
ความ การต
อรองและการตอบโต
ต
อสถานการณ
ที่
มนุ
ษย
แต
ละกลุ
มเผชิ
ญหน
าอยู
ภายใต
ความสั
มพั
นธ
เชิ
งอํ
านาจที่
ไม
มี
ความเท
าเที
ยม (ยศ, ๒๕๕๑: ๓๘-๓๙)
แนวคิ
ดเรื่
องการเมื
องวั
ฒนธรรมช
วยเป
ดมุ
มมองความคิ
ดในการต
อสู
ของกลุ
มชาติ
พั
นธุ
ที่
พยายามจะ
สร
างพื้
นที่
หรื
อสร
างบ
านใหม
ให
ตนเอง เพื่
อการมี
ชี
วิ
ตรอดจากการตกในสภาวะเบี
ยดขั
บทางสั
งคมและ
วั
ฒนธรรมศู
นย
กลาง ตลอดจนความไม
เท
าเที
ยมที่
เกิ
ดขึ้
น เพื่
อเป
นการพื้
นที่
ให
ตนเองสามารถแสดงออกทางอั
ต
ลั
กษณ
ทางชาติ
พั
นธุ
ได
ดั
งนั้
น การสร
างพื้
นที่
(Place Making) ตามแนวคิ
ดของ Gupta and Ferguson
(๑๙๙๗) ในการพิ
จารณาการสร
างพื้
นที่
(Place) ในฐานะที่
ถู
กสร
างขึ้
นมาในความสั
มพั
นธ
เชิ
งพื้
นที่
และ
ความสั
มพั
นธ
ทางสั
งคมซึ่
งมั
นมาเกี่
ยวข
องกั
บกระบวนการทางประวั
ติ
ศาสตร
และวาทกรรมในการสร
างพื้
นที่
ทํ
า
ให
พื้
นที่
ที่
สร
างไม
มี
ความมั่
นคง (Instable) แต
ว
ามี
การปรั
บขอบเขตของพื้
นที่
มี
การช
วงชิ
งความหมาย
(Contestation) ที่
เกิ
ดขึ้
นในการต
อรองในรู
ปแบบต
างๆ ของปฏิ
สั
มพั
นธ
เชิ
งอํ
านาจที่
เหลื่
อมล้ํ
าระหว
างกลุ
ม
ต
างๆ
พื้
นที่
จึ
งมี
ความสํ
าคั
ญในฐานะบริ
บทของการกระทํ
าที่
มั
นมี
อะไรมากกว
าเพี
ยงองค
ประกอบกายภาพ
หรื
อฉากเท
านั้
น เพราะการจั
ดวางพื้
นที่
ทํ
าให
พื้
นที่
เป
นสถานการณ
เฉพาะที่
มี
อิ
ทธิ
พลต
ออารมณ
ความคิ
ด
ความรู
สึ
กของป
จเจก ทํ
าให
เขาเลื
อกที่
จะนิ
ยามสถานการณ
เฉพาะหน
าอย
างมาก จึ
งทํ
าให
การหยิ
บเอา
สถานการณ
นี้
มาต
อรองการมี
ชี
วิ
ตรอดในสั
งคมของคนพื้
นที่
ในการให
ภาพลั
กษณ
ของการรวมกลุ
มมุ
สลิ
มพม
าใน
เชี
ยงใหม
และมี
ผลต
อการสร
างหรื
อเปลี่
ยนแปลงบรรยากาศของสถานการณ
นั้
นให
มี
ความสร
างสรรค
หลั
งจาก
การกระทํ
าผ
านไปแล
วซึ่
งสถานการณ
ยั
งคงตกค
างในพื้
นที่
ในความทรงจํ
าของป
จเจกด
วยทํ
าให
พื้
นที่
เป
นการให
ชี
วิ
ตและถู
กทํ
าให
มี
ชี
วิ
ตโดยป
จเจก ซึ่
งเป
นส
วนประกอบสํ
าคั
ญของการรั
บรู
โลกและการเลื
อกกระทํ
า (อภิ
ญญา,
2543:83)
เช
นในงานของสิ
ริ
พร สมบู
รณ
บู
รณะ (๒๕๓๖) ได
ศึ
กษาในเรื่
องของชี
วิ
ตคนในชุ
มชนชายขอบของสั
งคม
เมื
อง กรณี
ที่
เป
นคนเก็
บขยะตามชานเมื
อง ซึ่
งงานศึ
กษาชิ้
นนี้
ได
ให
ความสํ
าคั
ญกั
บเรื่
องของ “พื้
นที่
” และ “วิ
ถี
ชี
วิ
ต” ของคนในพื้
นที่
ว
า แม
จะอยู
เป
นส
วนประกอบหนึ่
งของชุ
มชนใหญ
และเป
นพื้
นที่
ที่
เป
นผลมาจากการ
พั
ฒนามาเป
นเมื
องที่
มี
แรงงานอพยพมาจากภาคการเกษตรเข
ามาอาศั
ยอยู
โดยมองถึ
งสั
งคมที่
มองว
า สลั
มเป
น
“ชายขอบ”ที่
เป
นภาระหรื
อป
ญหาของสั
งคมเมื
อง แต
ว
ามี
อี
กฝ
ายหนึ่
งที่
มองว
าสลั
มมี
หน
าที่
ที่
เป
นประโยชน
ต
อ
ระบบเศรษฐกิ
จการเมื
องโดยรวม ซึ่
งก็
คื
อ เป
นแหล
งแรงงานราคาถู
กให
กั
บระบบทุ
นนิ
ยม งานชิ้
นนี้
เป
น