ทิ
วา คงนานดี
และคณะ ๑๕
สู
ญเสี
ย ประเพณี
ดั้
งเดิ
ม แต
ฟรี
ดแมนกลั
บมองว
า คนกลุ
มนี้
พยายามสร
างอั
ตลั
กษณ
โดยใช
พลั
งภายนอกคื
อ
ความเป
นฝรั่
งเศส เพื่
อมาสร
างตั
วตนทางวั
ฒนธรรมของตั
วเอง ถึ
งแม
ว
าในมุ
มหนึ่
งอาจมองว
าเขาถู
กกลื
นซึ่
งเป
น
การมองเขาแบบถู
กกระทํ
า (Passive) แต
ฟรี
แมนมองเขาแบบ “ผู
กระทํ
าการ” (Active)
สํ
าหรั
บกรณี
ศึ
กษาที่
สอง ฟรี
ดแมนใช
ในการอธิ
บายเรื่
องการสร
างอั
ตลั
กษณ
คื
อ กลุ
มชาติ
พั
นธุ
ชาวไอนุ
(Ainu) ในญี่
ปุ
นซึ่
งไม
มี
ที่
ยื
นในสั
งคม เพราะถู
กกลื
นเข
าไปในวั
ฒนธรรมญี่
ปุ
น แต
พอมี
การท
องเที่
ยวเข
ามา ชาว
ไอนุ
กลั
บอาศั
ยกระแสนี้
สร
างตั
วตนขึ้
นมา ชาวไอนุ
ในญี่
ปุ
นใช
ความเป
นชายขอบและการที่
วั
ฒนธรรมถู
กทํ
าให
เป
นสิ
นค
า มาใช
ในการทํ
าตั
วเองให
กลายเป
นสิ
นค
า (Self-commodification) สํ
าหรั
บการท
องเที่
ยว และทํ
า
ตั
วเองให
คนอื่
นมาดู
ในกรณี
นี้
ชาวไอนุ
จึ
งใช
สถานการณ
จากการท
องเที่
ยวเป
นโอกาสที่
จะได
ฟ
นฟู
และรื้
อฟ
นสิ่
งที่
ถู
กกดทั
บไว
อาทิ
งานหั
ตถกรรมแบบไอนุ
หรื
อวิ
ถี
ชี
วิ
ตแบบไอนุ
เพื่
อให
คนอื่
นเข
ามาดู
และเป
นการจงใจทํ
าให
วั
ฒนธรรมของตนเองเป
นสิ
นค
า ซึ่
งส
งผลเป
นอย
างดี
ในการรื้
อฟ
นของประเพณี
แบบเดิ
ม จนเกิ
ดการจั
ดทํ
า
โรงเรี
ยนสอนภาษาของพวกเขาเองอย
างมากมาย
ในกรณี
ศึ
กษาที่
สามฟรี
ดแมนยกกรณี
ของขบวนการเคลื่
อนไหวทางวั
ฒนธรรมของชนเผ
าดั้
งเดิ
มฮาวาย
ในอเมริ
กาท
ามกลางกระแสการท
องเที่
ยว ถึ
งแม
ชาวฮาวายมี
โอกาสที่
จะใช
ตั
วเองเป
นสิ
นค
า แต
พวกเขากลั
บไม
ต
องการทํ
าตั
วเองให
เป
นสิ
นค
า จึ
งออกมาเคลื่
อนไหวต
อต
านการท
องเที่
ยวที่
ส
งผลต
อความเป
นชาติ
พั
นธุ
ของ
ตนเอง โดยพวกเขาแต
ชู
แนวคิ
ดต
อต
านการท
องเที่
ยว และพยายามเรี
ยกร
องให
มี
การคื
นวิ
ถี
ชี
วิ
ตดั้
งเดิ
มของชาว
ฮาวายกลั
บมา กระแสการเรี
ยกร
องที่
จะคื
นอั
ตลั
กษณ
ความเป
นฮาวายดั้
งเดิ
มมานั้
นได
อาศั
ยกระแสความเป
น
ท
องถิ่
นเป
นเครื่
องมื
อต
อการเคลื่
อนไหวเพื่
อการสร
างอั
ตลั
กษณ
และวิ
ถี
ชี
วิ
ตแบบชาวฮาวายและต
อต
านไม
ให
กลุ
มชาติ
พั
นธุ
ตนเองกลายเป
นสิ
นค
า
มุ
มมองที่
สํ
าคั
ญต
อการทํ
าความเข
าใจแนวคิ
ดเรื่
องการสร
างอั
ตลั
กษณ
ในครั้
งนี้
สํ
าหรั
บฟรี
ดแมนกลั
บ
มองว
า “ความเป
นแก
นแกน-ของแท
ดั้
งเดิ
ม” (Authenticity) นั้
นไม
มี
อยู
จริ
ง แต
เป
นความเป
นของแท
ดั้
งเดิ
มที่
ถู
กสร
างขึ้
น (Stage Authenticity) ฟรี
ดแมนมองว
าไม
มี
อะไรที่
จริ
งแท
เพราะแม
แต
วั
ฒนธรรมชุ
มชนก็
เป
นสิ่
งที่
สร
างขึ้
นมา โดยพยายามสร
างภาพชุ
มชนที่
สวยงาม ดู
ดี
ไม
มี
เชิ
งลบเลย เป
นภาพที่
ถู
กสร
างขึ้
นมา เมื่
อความเป
น
ของแท
ดั้
งเดิ
มถู
กสร
างขึ้
นมา จึ
งเป
นเครื่
องมื
อในการสร
างอั
ตลั
กษณ
อย
างหนึ่
งของคน อย
างไรก็
ตาม การ
สร
างอั
ตลั
กษณ
ของคนจึ
งเป
นกระบวนการที่
ไม
หยุ
ดนิ่
งและมี
ความย
อนแย
งในตั
วเอง จากตั
วอย
างข
างต
นในงาน
ศึ
กษาของฟรี
ดแมน แสดงให
เห็
นอย
างชั
ดเจนว
า ผู
คนใช
ความสามารถในการสร
างอั
ตลั
กษณ
ซึ่
งเป
นยุ
ทธวิ
ธี
(Strategy) อย
างหนึ่
งของคนที่
อยู
บริ
บทพื้
นที่
ที่
ต
องการยกสถานภาพของตั
วเองไปอยู
ใกล
ศู
นย
กลาง โดยใช
สั
ญลั
กษณ
ของศู
นย
กลางเป
นตั
วช
วยผลั
กตั
วเองออกไปให
หลุ
ดพ
นจากความเป
นชายขอบภายในสั
งคม ดั
งนั้
นทั้
ง
สามกรณี
เป
นเรื่
องของการสร
างอั
ตลั
กษณ
โดยสะท
อนมุ
มมองเรื่
องการเมื
องเรื่
องอั
ตลั
กษณ
(Politic of
Identity) ที่
เกิ
ดขึ้
นกั
บกลุ
มชาติ
พั
นธุ
ในแทบทุ
กสั
งคม
กรณี
ในการศึ
กษากระบวนการสร
างอั
ตลั
กษณ
ทางชาติ
พั
นธุ
ที่
ส
งผลต
อการผลิ
ตซ้ํ
าความเป
นชาติ
พั
นธุ
เช
นในงานศึ
กษาของวั
นดี
สั
นติ
วุ
ฒิ
เมธี
(๒๕๔๕) ได
ทํ
าการศึ
กษาเรื่
อง “กระบวนการสร
างอั
ตลั
กษณ
ทางชาติ