ทิ
วา คงนานดี
และคณะ ๒๘
ชาติ
ตระกู
ลของบรรพบุ
รุ
ษที่
ให
กํ
าเนิ
ดชี
วิ
ตตนเองค
านิ
ยมได
กลื
นเอาความเป
นชาติ
พั
นธุ
ไปหมดแล
วป
จจุ
บั
นชาว
กะเหรี่
ยงตายไปลดเหลื
อน
อยลด ตายไปในที่
นี้
หมายถึ
ง “ตายไปจากจิ
ตสํ
านึ
กในความเป
นกะเหรี่
ยง” ดั
งนั้
น
เป
นสิ่
งที่
ดี
ที่
มี
ผู
มาให
คํ
าแนะนํ
าและให
ความรู
ความเข
าใจเกี่
ยวกั
บภาษาและศิ
ลปวั
ฒนธรรม เพราะจะได
รู
ความ
แตกต
างของคนที่
อยู
ในพื้
นที่
ที่
มี
ชาวกะเหรี่
ยงอาศั
ยอยู
ตามแนวชายแดนของประเทศ และเพื่
อช
วยกั
นฟ
นฟู
และ
อนุ
รั
กษ
สิ่
งที่
ดี
งามเอาไว
ให
ลู
กหลานเติ
บโตขึ้
นในอนาคตสื
บไป
อย
างไรก็
ตาม การดํ
าเนิ
นการวิ
จั
ยในช
วงที่
๑ ซึ่
งเน
นการจั
ดประชุ
มเพื่
อประสานงานของชาวบ
าน
กะเหรี่
ยงในการจั
ดอบรมของโครงการจึ
งดํ
าเนิ
นไปตามแผนวาระที่
ตั้
งไว
นอกจากนี้
ยั
งได
รั
บความร
วมมื
อจาก
ผู
ใหญ
ที่
ได
รั
บความเห็
นชอบและสนั
บสนุ
นอย
างเต็
มที่
ในการสร
างและปลุ
กจิ
ตสํ
านึ
กความเป
นชาติ
พั
นธุ
ของชาว
กะเหรี่
ยงเพื่
อถ
ายทอดและดํ
ารงความเป
นชาติ
พั
นธุ
ของตนเอง
ความคิ
ดเห็
นร
วมจากการจั
ดประชุ
มเรื่
องการเรี
ยนการสอน “ภาษากะเหรี่
ยง” ใน๓พื้
นที่
การอบรมภาษากะเหรี่
ยงจั
ดขึ้
นเพื่
อเน
นการเรี
ยนการสอนในขั้
นพื้
นฐานสํ
าหรั
บผู
ที่
ยั
งไม
เคยเรี
ยนมา
ก
อน หรื
อสํ
าหรั
บผู
ที่
ต
องการศึ
กษาค
นคว
าหาความรู
เพิ่
มเติ
ม และให
ความรู
ความเข
าใจในภาษาที่
ชั
ดเจนขึ้
น
รวมทั้
งได
เรี
ยนรู
วิ
ถี
ชี
วิ
ตประวั
ติ
ความเป
นมาของประเพณี
ภาษาและวั
ฒนธรรมของชาวกะเหรี่
ยง ในยุ
คสมั
ยที่
ความเจริ
ญเข
ามามี
บทบาทอย
างมากในชี
วิ
ตประจํ
าวั
นของคนทุ
กชนชาติ
ประเพณี
วั
ฒนธรรมอั
นดี
งามและ
ทรงคุ
ณค
าควรแก
การรั
กษาไว
บางอย
างก็
สู
ญหายไปพร
อมกั
บ ความเจริ
ญก
าวหน
าที่
ไม
หยุ
ดยั้
ง คนรุ
นใหม
แทบจะไม
ให
ความสํ
าคั
ญเพราะเห็
นว
าเป
นสิ่
งไม
จํ
าเป
นและไม
เกิ
ดประโยชน
แต
อย
างใด จึ
งไม
จํ
าเป
นต
องศึ
กษา
และเรี
ยนรู
ให
เสี
ยเวลา เป
นเรื่
องที่
น
าเสี
ยดายที่
ลู
กหลานกะเหรี่
ยงเองคิ
ดแบบนี้
การอบรมการเรี
ยนการสอน
ภาษากะเหรี่
ยงจึ
งเป
นอี
กส
วนหนึ่
งที่
จะกระตุ
นให
เยาวชนรุ
นใหม
ที่
มี
เชื้
อสายชาวกะเหรี่
ยงหั
นมาศึ
กษา สนใจ
ค
นคว
าภาษาและวั
ฒนธรรมของตั
วเอง ถึ
งแม
จะเป
นภาษาที่
ไม
ได
ใช
อย
างแพร
หลาย แต
ชาวกะเหรี่
ยงควรมี
ความภาคภู
มิ
ใจว
า อย
างน
อยก็
ยั
งมี
ภาษาพู
ดหนั
งสื
อให
อ
าน
ความคิ
ดเห็
นร
วมจากการประชุ
มเรื่
องการสื
บทอดศิ
ลปวั
ฒนธรรม “การรํ
าตง” ใน๓พื้
นที่
ชุ
มชนชาวบ
านกะเหรี่
ยงในอํ
าเภอสั
งขละบุ
รี
เป
นหมู
บ
านหนึ่
งที่
มี
ขนบธรรมเนี
ยม ประเพณี
และ
การละเล
นพื้
นเมื
องยั
งคงไว
อยู
ถึ
งแม
บางอย
างได
เลื
อนหายไปบ
าง เพราะชาวบ
านไม
ได
ให
ความสํ
าคั
ญ
ชาวบ
านทั้
งหมดเดิ
มแล
วเป
นคนไทยเชื้
อสายกะเหรี่
ยงนั
บถื
อศาสนาพุ
ทธ เดิ
มนั้
นชาวบ
านอาศั
ยอยู
กั
บธรรมชาติ
ที่
ร
มรื่
น และมี
การละเล
นไม
กี่
อย
างที่
เป
นเครื่
องบั
นเทิ
ง เช
น การเล
นสะบ
า การรํ
าตง งานบุ
ญกิ
นข
าวใหม
ต
อนรั
บป
ใหม
เป
นต
น ดั
งนั้
น การรํ
าตงเป
นการละเล
นอี
กอย
างที่
เป
นความบั
นเทิ
งและช
วยผ
อนคลายของชาว
กะเหรี่
ยงทั้
งในอดี
ต และป
จจุ
บั
นในป
จจุ
บั
นนี้
การรํ
าตง เป
นการละเล
นที่
ยั
งคงดํ
ารงไว
ซึ่
งเป
นเอกลั
กษณ
ของชาว
กะเหรี่
ยง และยั
งรั
กษาท
ารํ
า และทํ
านองเพลงไว
คงเดิ
มจากอดี
ต ชาวบ
านกะเหรี่
ยงได
พั
ฒนาคณะรํ
าตง และ
ได
นํ
าเยาวชนเข
ามามี
ส
วนร
วมในการรํ
า เนื่
องจากป
จจุ
บั
นคนเฒ
าคนแก
ไม
สามารถรํ
าให
มี
ความสวยงามและ
สนุ
กสนานเหมื
อนกั
บหนุ
มสาวได
อี
กจึ
งได
มี
การถ
ายทอดจากรุ
นสู
รุ
น