9
วิ
พากษ์
ถ้
าพิ
จารณาดู
จะเห็
นว่
าตลอดเวลาที่
ผ่
านมา โรงเรี
ยนจะทํ
าให้
นั
กเรี
ยนเป็
นเพี
ยงวั
ตถุ
ชิ
้
นหนึ
่
งที่
คิ
ดได้
โรงเรี
ยนต้
องค้
นหาภาษาแห่
งการวิ
พากษ์
และความหวั
งที่
จะทํ
าให้
นั
กเรี
ยนสามารถที่
จะสรุ
ป
รวมมโนทั
ศน์
ความสั
มพั
นธ์
อย่
างเป็
นระบบระหว่
างความฝั
นกั
บความจริ
ง
นอกจากนี
้
ยั
งมี
แนวคิ
ดสํ
าคั
ญที่
นํ
ามาใช้
ศึ
กษาประเด็
นต่
างๆของงานวิ
จั
ยดั
งนี
้
ปี
เตอร์
แมคลาเรน (PeterMcLaren.2009 : 80.) ให้
คํ
าอธิ
บายว่
า ทุ
นทางวั
ฒนธรรม
(Cultural Capital)หมายถึ
งภู
มิ
หลั
งทางวั
ฒนธรรมความรู
้
จุ
ดยื
นมุ
มมองและทั
กษะซึ
่
งผ่
านจากคน
รุ่
นหนึ
่
งสู
่
คนอี
กรุ่
นหนึ
่
งและจอร์
จริ
ทเซอร์
(GeorgeRitzer. 2007 : 178.) ได้
อธิ
บายแนวคิ
ดเรื่
องทุ
น
ทางวั
ฒนธรรม (CulturalCapital) ของปิ
แอร์
บู
ร์
ดิ
เยอ (PierreBourdieu)ที่
มุ่
งเน้
นศึ
กษาประเด็
นเรื่
อง
ทุ
นทางวั
ฒนธรรมโดยอธิ
บายว่
าทุ
นทางวั
ฒนธรรม คื
อความรู
้
ทั
้
งหลายอั
นชอบธรรมที่
มี
ผู
้
สร้
างขึ
้
น
“Cultural capital involves various kinds of legitimate knowledge possessedby an actor.”
แนวคิ
ดเรื่
อง อํ
านาจ ของ จุ
มพลหนิ
มพานิ
ช (2547 : 75) อธิ
บายว่
า อํ
านาจหมายถึ
ง
การที่
บุ
คคลหนึ
่
งสามารถที่
จะทํ
าให้
บุ
คคลอี
กบุ
คคลหนึ
่
งทํ
าบางสิ่
งบางอย่
างตามที่
ตนต้
องการทั
้
งนี
้
เพื่
อให้
เป้
าหมายที่
ตั
้
งไว้
บรรลุ
ผล โดยคุ
ณลั
กษณะของอํ
านาจประกอบด้
วยลั
กษณะสํ
าคั
ญๆดั
งนี
้
(จุ
มพลหนิ
มพานิ
ช, 2547 :95 -97)
1) มี
ความสั
มพั
นธ์
(Relation) หมายถึ
งอํ
านาจของบุ
คคลหนึ
่
งจะเกิ
ดขึ
้
นก็
ต่
อเมื่
อบุ
คคล
มี
ความสั
มพั
นธ์
กั
นทางสั
งคม
2) มี
ลั
กษณะของการพึ
่
งพา (dependence) หมายถึ
ง การที่
บุ
คคลหนึ
่
งมี
อํ
านาจเหนื
อ
บุ
คคลหนึ
่
ง เนื่
องมาจากการที่
บุ
คคลหนึ
่
งต้
องพึ
่
งพาอี
กบุ
คคลหนึ
่
งนั่
นเอง
3) มี
ลั
กษณะของความน่
าจะเป็
น (probability) หมายถึ
ง ความเป็
นไปได้
หรื
อความ
น่
าจะเป็
นที่
บุ
คคลใดบุ
คคลหนึ
่
งจะปฏิ
บั
ติ
ตามผู
้
ที่
ใช้
อํ
านาจ
4) มี
การขยายเขตของอํ
านาจ (power expansion)หมายถึ
งอํ
านาจนั
้
นสามารถเพิ่
มหรื
อ
ขยายได้
เพราะยิ่
งมี
อํ
านาจมากก็
ยิ่
งมี
แนวทางที่
จะเลื
อกปฏิ
บั
ติ
ได้
มากขึ
้
น
5) มี
ระดั
บหรื
อชั
้
นของอํ
านาจ (degree)ซึ
่
งสามารถรั
บรู
้
ได้
โดยบุ
คคลอื่
น
6) มี
การแลกเปลี่
ยนหรื
อมี
ความสั
มพั
นธ์
ระหว่
างกั
น
7) มี
ความเฉพาะเจาะจง (specificity) คื
ออํ
านาจมั
กเป็
นเรื่
องเฉพาะเจาะจงต่
อประเด็
น
ใดประเด็
นหนึ
่
งสถานการณ์
ใดสถานการณ์
หนึ
่
งหรื
อเรื่
องใดเรื่
องหนึ
่
ง
แนวคิ
ดเรื่
อง การผลิ
ตซํ
้
าทางวั
ฒนธรรม (Cultural reproduction) ที่
อธิ
บายว่
า คื
อการ
ถ่
ายทอดค่
านิ
ยมและบรรทั
ดฐานทางวั
ฒนธรรมที่
ยั
งคงมี
อยู
่
จากรุ่
นหนึ
่
งไปสู
่
อี
กรุ่
นหนึ
่
ง (Cultural
reproduction is the transmission of existing cultural values and norms from generation to
generation, 1997)