ne191 - page 16
ทิ
พวรรณ พ่
อขั
นชาย
ทบทวนวรรณกรรม / 8
บทที่
2
ทบทวนวรรณกรรม
งานวิ
จั
ยนี
้
ใช้
แนวคิ
ดทฤษฎี
การศึ
กษาเชิ
งวิ
พากษ์
ที่
มุ่
งเน้
นศึ
กษาประเด็
นเรื่
องทุ
นทาง
วั
ฒนธรรมและการใช้
อํ
านาจในการผลิ
ตซํ
้
าทุ
นทางวั
ฒนธรรม โดยได้
ศึ
กษาค้
นคว้
าข้
อมู
ลแนวคิ
ด
ทฤษฎี
และผลงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข้
อง เพื่
อใช้
เป็
นกรอบแนวคิ
ดในการพั
ฒนาการศึ
กษาของชาวบรู
ดั
งต่
อไปนี
้
2.1แนวคิ
ดและทฤษฎี
ที่
เกี่
ยวข้
อง
งานวิ
จั
ยนี
้
ใช้
แนวคิ
ดทฤษฎี
การศึ
กษาเชิ
งวิ
พากษ์
นั
กคิ
ดคนสํ
าคั
ญคื
อ PeterMcLaren,
1998 (อ้
างในส. ศิ
วรั
กษ์
2551 : 74-77) โดยสรุ
ปทฤษฎี
การศึ
กษาวิ
พากษ์
เป็
นประเด็
นที่
น่
าสนใจว่
า
การเรี
ยนการสอนเชิ
งวิ
พากษ์
(critical pedagogy) ต้
องสะท้
อนความเฉพาะของสั
งคมออกมาให้
เห็
น
กล่
าวคื
อ ต้
องชี
้
ให้
เห็
นว่
า สั
งคมปั
จจุ
บั
นอยู
่
ภายใต้
การครอบครองความคิ
ดชนิ
ดใด ไม่
ว่
าจะเป็
น
ประเด็
นทางวั
ฒนธรรมหลั
กบทบาทชายหญิ
ง เชื
้
อชาติ
ชาติ
พั
นธุ
์
ซึ
่
งแสดงออกผ่
านตํ
าราเรี
ยนใน
สถานศึ
กษา เท่
ากั
บเป็
นการท้
าทายวิ
ธี
คิ
ดปั
จจุ
บั
นนอกจากนี
้
ต้
องเป็
นปากเป็
นเสี
ยงให้
กั
บคนท้
องถิ่
น
และคํ
านึ
งถึ
งบริ
บทเสมอ ในขณะเดี
ยวกั
นก็
ไม่
ใช่
มี
ลั
กษณะท้
องถิ่
นนิ
ยมจนเกิ
นเหตุ
และมองเห็
น
ความสั
มพั
นธ์
ระหว่
างการวิ
พากษ์
กั
บการปฏิ
บั
ติ
การกล้
าที่
จะค้
นหามิ
ติ
เชิ
งพื
้
นที่
ของมนุ
ษย์
ทั
้
งคนใน
เมื
องและคนชนบทมนุ
ษย์
ในที่
นี
้
ไม่
ใช่
ลั
กษณะรวมๆแต่
ต้
องมี
มิ
ติ
ทางบทบาทหญิ
งชายและเชื
้
อชาติ
ด้
วย เท่
ากั
บเป็
นการศึ
กษาในสามมิ
ติ
พร้
อมๆกั
นคื
อพื
้
นที่
(space) ความรู
้
(knowledge) และอํ
านาจ
(power) อี
กทั
้
ง นั
กการศึ
กษาแนววิ
พากษ์
ต้
องทบทวน เรื่
องวิ
ถี
การผลิ
ตที่
สั
งคมพั
ฒนาจาก
อุ
ตสาหกรรมสู
่
หลั
งอุ
ตสาหกรรมภายใต้
ระบบทุ
นนิ
ยมโลกทุ
น (capital) มิ
ได้
มี
ความหมายว่
าเป็
นสิ่
ง
ภายนอกที่
อยู
่
ที่
นั่
น เช่
น เงิ
น เครื่
องจั
กร แต่
เป็
นสิ่
งที่
อยู
่
ภายใน-ที่
นี่
อยู
่
ที่
คน ในการสร้
างความเป็
น
ตั
วตนคื
อความคิ
ดวั
ฒนธรรม
ดั
งนั
้
น โรงเรี
ยนหรื
อสถานศึ
กษาจึ
งเป็
นสถานที่
(site) สํ
าหรั
บการผลิ
ตทั
้
งความรู
้
เชิ
ง
วิ
พากษ์
และปฏิ
บั
ติ
การทางสั
งคมการเมื
อง โรงเรี
ยนจะต้
องให้
การศึ
กษานั
กเรี
ยนและทํ
าให้
พวกเขา
กลายเป็
นคนที่
มี
ลั
กษณะกล้
าคิ
ด เพื่
อทํ
าให้
สั
งคมเกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงและเป็
นประชากรที่
มี
ลั
กษณะ
1...,6,7,8,9,10,11,12,13,14,15
17,18,19,20,21,22,23,24,25,26,...244