ne191 - page 10

ทิ
พวรรณ พ่
อขั
นชาย
บทนํ
า / 2
ปรั
บใช้
หรื
อสร้
างสรรค์
สิ่
งใหม่
ๆ ให้
เกิ
ดขึ
นเพื่
อพั
ฒนาตนเองและท้
องถิ่
นของตน เป็
นเพี
ยงการศึ
กษา
ที่
ถู
กกํ
าหนดขึ
นภายใต้
กรอบนโยบายของรั
ฐที่
มุ
งตอบสนองความต้
องการด้
านแรงงานเพื่
อส่
งเสริ
เศรษฐกิ
จอุ
ตสาหกรรมของประเทศเป็
นสํ
าคั
อมรวิ
ชช์
นาครทรรพและคณะ (2551:22-23) กล่
าวถึ
งผลกระทบจากความคิ
ดเกี่
ยวกั
การทํ
าให้
“เจริ
ญ” (growth) หรื
อ “พั
ฒนา” (development) ไปสู
ความทั
นสมั
ย (modernization) จาก
แนวคิ
ดของตะวั
นตกทํ
าให้
เกิ
ดการสร้
างความเชื่
อใหม่
ที่
ต้
องการนํ
าประเทศไปสู
ความทั
นสมั
ย โดย
อาศั
ยปั
จจั
ยสํ
าคั
ญคื
อ เงิ
นทุ
นการผลิ
ตภาคอุ
ตสาหกรรมที่
ใช้
เครื่
องจั
กรความรู
ทางเทคนิ
ควิ
ทยาการ
สมั
ยใหม่
การบริ
หารจั
ดการที่
มี
ระบบและกลไกของรั
ฐ การเน้
นการพั
ฒนาเศรษฐกิ
จในแนวทาง
ดั
งกล่
าว เป็
นตั
วกํ
าหนดและภายใต้
ความเชื่
อที่
ว่
าการพั
ฒนาที่
จะนํ
าพาความเจริ
ญก้
าวหน้
าให้
กั
สั
งคมได้
ส่
วนหนึ
งก็
คื
อผ่
านระบบการศึ
กษา โดยที่
ตั
วความรู
ต้
องมี
ลั
กษณะเป็
นสากล ยอมรั
บได้
ตลอดจนเชื่
อเรื่
องการศึ
กษาที่
มี
ลั
กษณะเป็
นExo-Socializationคื
อการศึ
กษาอบรมความรู
วั
ฒนธรรม
จากภายนอกชุ
มชนที่
จั
ดโดยรั
ฐจากศู
นย์
กลาง รวมไปถึ
งวิ
ธี
คิ
ดแสวงหาความรู
ในชุ
มชนก็
ยั
งลดทอน
ชุ
มชนเป็
นเพี
ยงหน่
อยย่
อยที่
“ถู
กศึ
กษา” และ “ถู
กพั
ฒนา”มากกว่
าเป็
นสิ่
งใดอื่
น ผลกระทบที่
ไม่
คาดคิ
ดจากการศึ
กษาที่
น่
าจะเป็
นเครื่
องมื
อแห่
งการพั
ฒนา กลั
บแปรเปลี่
ยนการศึ
กษาเพื่
อชุ
มชน
“ท้
องถิ่
น” ไปสู
การศึ
กษาที่
ชุ
มชน “ทิ
งถิ่
น”อั
นเนื่
องจากเด็
กจํ
านวนมากต้
องหลั่
งไหลเข้
าสู
โรงเรี
ยน
แข่
งขั
นและอพยพโยกย้
ายไปเรี
ยนต่
อในเมื
องอย่
างต่
อเนื่
อง และเกิ
ดปั
ญหาการศึ
กษาแปลกแยกจาก
ชุ
มชนปั
ญหาเด็
กและเยาวชนตามมา
อย่
างไรก็
ตามปั
ญหาสํ
าคั
ญของการศึ
กษาที่
แท้
จริ
งคงไม่
ใช่
เพี
ยงแค่
ประเด็
นว่
าเป็
การศึ
กษาเพื่
อคน “ท้
องถิ่
น”หรื
อทํ
าให้
คน “ทิ
งถิ่
น” เท่
านั
นแต่
สิ่
งสํ
าคั
ญคื
อการศึ
กษาสามารถทํ
าให้
คนตั
ดสิ
นใจเลื
อกเองได้
หรื
อไม่
ว่
าตนควรจะพั
ฒนาชุ
มชนท้
องถิ่
นของตนต่
อไปหรื
อควรจะละทิ
งถิ่
ฐานบ้
านเกิ
ดของตนตามเหตุ
และผลอั
นสมควรกล่
าวคื
อการศึ
กษาควรทํ
าให้
คนมี
ทางเลื
อกในชี
วิ
มากขึ
นโดยการสร้
างคนให้
มี
ศั
กยภาพทั
งความรู
และความคิ
ดคิ
ดเป็
นทํ
าเป็
นทํ
าให้
คนเป็
นคนที่
สมบู
รณ์
รู
จั
กคิ
ด วิ
เคราะห์
สั
งเคราะห์
และสามารถบู
รณาการความรู
ของตนเองได้
อย่
างถู
กต้
อง
เหมาะสมมี
เหตุ
ผลและมี
คุ
ณธรรม
ไพฑู
รย์
สิ
นลารั
ตน์
(2544:23) ได้
เสนอว่
า การพั
ฒนาการศึ
กษาของไทยจึ
งควรจะมี
เป้
าหมายใหม่
และมี
แนวทางใหม่
ที่
เน้
นตั
วมนุ
ษย์
เป็
นที่
ตั
ง เน้
นมนุ
ษย์
ในวงกว้
างเป็
นผลในระยะยาว
เป็
นสํ
าคั
ญ แนวทางใหม่
จึ
งควรเป็
นแนวทางของการพั
ฒนาศั
กยภาพของมนุ
ษย์
(HumanPotential
Approach) เป็
นหลั
กใหญ่
โดยมองว่
ามนุ
ษย์
มี
ความสามารถมี
ศั
กยภาพที่
ซ่
อนเร้
นอยู
อย่
างมหาศาล
แต่
ยั
งไม่
ได้
รั
บการพั
ฒนาอย่
างเต็
มที่
และอย่
างกว้
างขวาง แต่
ได้
รั
บการพั
ฒนาใช้
เพื่
อประโยชน์
ของ
กลุ่
มและคนอื่
นๆ เพี
ยงบางส่
วนเท่
านั
นการพั
ฒนาการศึ
กษาจึ
งต้
องเน้
นให้
มนุ
ษย์
ได้
พั
ฒนาศั
กยภาพ
1,2,3,4,5,6,7,8,9 11,12,13,14,15,16,17,18,19,20,...244
Powered by FlippingBook