9
การศึ
กษานอกระบบโรงเรี
ยนเชิ
งพั
ฒนาว่
า การวิ
เคราะห์
สถานการณ์
ของปั
ญหาและความต้
องการ
ของผู
้
เรี
ยนพิ
จารณาสิ่
งที่
เกี่
ยวกั
บกลุ่
มบุ
คคลที่
มี
ความต้
องการตามสภาพจริ
งและสามารถนํ
าไปแก้
ไข
ปั
ญหาได้
ดั
งนั
้
นจึ
งต้
องมี
การสํ
ารวจหาความต้
องการการเรี
ยนรู
้
อย่
างชั
ดเจน และนํ
าไปกํ
าหนด
แนวทางในการพั
ฒนาผู
้
เรี
ยนให้
บรรลุ
เป้
าหมายตามที่
ต้
องการอย่
างแท้
จริ
ง
Boyle (1981) กล่
าวว่
า การพั
ฒนาโปรแกรมการศึ
กษานอกระบบโรงเรี
ยนเชิ
งพั
ฒนา
เป็
นกระบวนการช่
วยส่
งเสริ
มและพั
ฒนาความสามารถทั
กษะ ความรู
้
เพื่
อช่
วยให้
บุ
คคลสามารถ
แก้
ปั
ญหาต่
างๆด้
วยตนเองและกลุ่
มได้
ให้
สามารถปรั
บตั
วให้
ทั
นต่
อการเปลี่
ยนแปลงของสั
งคม
เป็
นขั
้
นตอนในการพั
ฒนาโปรแกรมทั
้
งหมด 8ขั
้
นตอนดั
งนี
้
1. การกํ
าหนดพื
้
นฐานสํ
าหรั
บพั
ฒนา
โปรแกรม เป็
นการกํ
าหนดพื
้
นฐานความต้
องการของผู
้
เรี
ยนตามแนวคิ
ดการศึ
กษาตลอดชี
วิ
ตและ
การศึ
กษานอกระบบโรงเรี
ยน 2. การวิ
เคราะห์
สถานการณ์
ของชุ
มชนและกลุ่
มผู
้
รั
บบริ
การ โดยการ
สํ
ารวจความต้
องการของผู
้
เรี
ยนที่
ต้
องรั
บการแก้
ไขและพั
ฒนา 3. การพิ
จารณาผลที่
พึ
งประสงค์
เป็
น
การกํ
าหนดผลการเรี
ยนรู
้
ที่
ผู
้
เรี
ยนควรได้
รั
บรวมถึ
งระยะเวลาในการเรี
ยนรู
้
4. การกํ
าหนดแหล่
ง
ทรั
พยากรและการสนั
บสนุ
น เป็
นการเตรี
ยมเนื
้
อหา วิ
ทยากร เงิ
นทุ
นสนั
บสนุ
นรวมถึ
งอุ
ปกรณ์
ใน
การเรี
ยนการสอน 5. การสร้
างแผนกิ
จกรรม เป็
นการนํ
ากระบวนการเรี
ยนรู
้
ผู
้
ใหญ่
และกิ
จกรรมการ
เรี
ยนรู
้
ที่
เหมาะสมกั
บผู
้
เรี
ยน 6. โปรแกรมการปฏิ
บั
ติ
งานผู
้
เรี
ยนเข้
าร่
วมโปรแกรมตามระยะเวลาที่
จั
ด 7. ความน่
าเชื่
อถื
อของการใช้
ทรั
พยากร เป็
นการประเมิ
นผลการเรี
ยนรู
้
ก่
อนและหลั
งการเรี
ยนรู
้
8. การรายงานค่
าของโปรแกรม เป็
นการสรุ
ปภาพรวมของการจั
ดโปรแกรมทั
้
งหมดที่
ต้
องปรั
บปรุ
ง
และนํ
าไปพั
ฒนาให้
เป็
นโปรแกรมที
่
เหมาะสมกั
บผู
้
เรี
ยนได้
ครอบคลุ
มมากยิ
่
งขึ
้
นซึ
่
งมี
ความ
สอดคล้
องกั
บKnowles (1980) กล่
าวถึ
งผู
้
ใหญ่
จะมี
การเรี
ยนรู
้
โดยอาศั
ยปั
ญหาเป็
นศู
นย์
กลางซึ
่
งเป็
น
ผลมาจากความต้
องการในการเรี
ยนที่
มุ่
งหวั
งจะให้
เกิ
ดการนํ
าไปปฏิ
บั
ติ
ได้
ผลจริ
งในปั
จจุ
บั
นนั
้
น เป็
น
การเรี
ยนรู
้
เพื่
อตอบสนองการแก้
ไขปั
ญหาในชี
วิ
ตประจํ
าวั
นดั
งนั
้
นการเรี
ยนการสอนจึ
งควรมุ่
งเน้
น
ประโยชน์
ที่
จะนํ
าไปใช้
ได้
จริ
ง รวมทั
้
งในการจั
ดประสบการณ์
การเรี
ยนรู
้
ของผู
้
ใหญ่
จึ
งควรยึ
ดปั
ญหา
และกระบวนการแก้
ปั
ญหาเป็
นหลั
กผู
้
ใหญ่
จะมี
รู
ปแบบการศึ
กษาและการเรี
ยนรู
้
ที่
เกิ
ดขึ
้
นจากความ
ต้
องการและความสนใจของตนเองมี
การวิ
เคราะห์
ประสบการณ์
และสถานการณ์
ที่
เกี่
ยวข้
องกั
บชี
วิ
ต
มาใช้
ประกอบการศึ
กษาตลอดจนเกิ
ดความรู
้
สึ
กที่
ต้
องการนํ
าตนเองและเรี
ยนรู
้
เพื่
อสนองตอบความ
แตกต่
างของภาวะปั
จเจกในตน
โดยการนํ
ากระบวนการเรี
ยนรู
้
ของผู
้
ใหญ่
มาใช้
ในกิ
จกรรมการ
เรี
ยนรู
้
โดยเน้
นการตอบสนองความต้
องการของผู
้
เรี
ยน เน้
นการเรี
ยนรู
้
ที่
ใช้
ประสบการณ์
เดิ
มของ
ผู
้
ใหญ่
เป็
นทรั
พยากรในการเรี
ยนรู
้
การจั
ดบรรยากาศเรี
ยนรู
้
ที่
เหมาะสม การปรั
บเปลี่
ยนบทบาท
ของครู
ผู
้
สอนเป็
นบทบาทของผู
้
อํ
านวยความสะดวก ผู
้
เรี
ยนมี
โอกาสเข้
ามี
ส่
วนร่
วมในการจั
ด
กิ
จกรรมการเรี
ยนรู
้
มี
ส่
วนร่
วมในการเรี
ยนรู
้
อย่
างแท้
จริ
งในทุ
กขั
้
นตอน และเป็
นการส่
งเสริ
มการ