22
บทที่
2
แนวคิ
ดทฤษฎี
เอกสารและงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข้
อง
การศึ
กษาพลวั
ตการปฏิ
สั
มพั
นธ์
และชาติ
พั
นธุ
์
ธํ
ารงของชาวเกาะลั
นตาเป็
นการศึ
กษาวิ
จั
ย
ทางด้
านชาติ
พั
นธุ
์
วิ
ทยาที่
เน้
นการศึ
กษาข้
อมู
ลภาคสนามควบคู
่
กั
บการศึ
กษาค้
นคว้
าภาคเอกสาร
เพื่
อสื
บย้
อนถึ
งกระบวนการปฏิ
สั
มพั
นธ์
และการธํ
ารงอั
ตลั
กษณ์
ของ 4กลุ่
มชาติ
พั
นธุ
์
ที่
อาศั
ยอยู
่
ร่
วมกั
น
ตั
้
งแต่
อดี
ตจนถึ
งปั
จจุ
บั
นการทบทวนแนวคิ
ดทฤษฎี
และเอกสารงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข้
องประเด็
นแรกเป็
น
แนวคิ
ดเกี่
ยวกั
บกลุ่
มชาติ
พั
นธุ
์
และอั
ตลั
กษณ์
ทางชาติ
พั
นธุ
์
ประเด็
นที่
สอง เป็
นแนวคิ
ดทฤษฎี
ด้
านการ
ปฏิ
สั
มพั
นธ์
ทางชาติ
พั
นธุ
์
(ethnic interaction) ประเด็
นที่
สาม แนวคิ
ดทฤษฎี
ด้
านการธํ
ารงชาติ
พั
นธุ
์
(ethnicmaintenance)ซึ
่
งสั
มพั
นธ์
กั
บพรมแดนทางชาติ
พั
นธุ
์
(ethnic boundary)และการเปลี่
ยนแปลง
ทางชาติ
พั
นธุ
์
(ethnic change)ประเด็
นที่
สี่
เป็
นแนวคิ
ดทฤษฎี
ประกอบการวิ
เคราะห์
ได้
แก่
แนวคิ
ด
ทฤษฎี
ด้
านนิ
เวศวิ
ทยาวั
ฒนธรรม (cultural ecology)แนวคิ
ดทฤษฎี
เกี่
ยวกั
บการแลกเปลี่
ยน (exchange
theory) การให้
ของขวั
ญและการตอบแทน(gift and return gift theory) แนวคิ
ดทฤษฎี
เกี่
ยวกั
บการ
พึ
่
งพาอาศั
ยกั
น (symbiosis)และแนวคิ
ดทฤษฎี
เกี่
ยวกั
บระยะทางสั
งคม (l’espace social) ประเด็
น
สุ
ดท้
าย เป็
นผลงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข้
องกั
บกรณี
ศึ
กษาได้
แก่
ตั
วอย่
างผลงานวิ
จั
ยกลุ่
มชาติ
พั
นทางฝั่
งทะเล
อั
นดามั
นผลงานวิ
จั
ยกลุ่
มชาติ
พั
นธุ
์
และการปฏิ
สั
มพั
นธ์
ของกลุ่
มชาติ
พั
นธุ
์
ในพื
้
นที่
อื่
นๆ และสรุ
ป
กรอบคิ
ดพื
้
นฐานเกี่
ยวกั
บแหล่
งที่
เลื
อกศึ
กษา
แนวคิ
ดเกี่
ยวกั
บกลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
และอั
ตลั
กษณ์
ทางชาติ
พั
นธุ
์
การศึ
กษาการปฏิ
สั
มพั
นธ์
และการธํ
ารงชาติ
พั
นธุ
์
ของชาวเกาะลั
นตาซึ
่
งมี
หลายกลุ่
มชาติ
พั
นธุ
์
นั
้
น
ควรศึ
กษาความหมายของคํ
าว่
ากลุ่
มชาติ
พั
นธุ
์
(ethnic group)และอั
ตลั
กษณ์
ทางชาติ
พั
นธุ
์
เพื่
อความ
ชั
ดเจนและเข้
าใจตรงกั
นดั
งเช่
นสุ
เทพ สุ
นทรเภสั
ช (2548ก : 15-17)ได้
อธิ
บายที่
มาของคํ
าว่
า“ethnic”
ในภาษาอั
งกฤษตามพจนานุ
กรมอ็
อกซ์
ฟอร์
ด (Compact OxfordDictionary)ว่
ามาจากคํ
า “ethnikos”
เป็
นภาษากรี
กหมายถึ
งคนนอกศาสนาทั
้
งๆที่
ความเป็
นจริ
งคํ
าๆนี
้
เป็
นคุ
ณศั
พท์
ในภาษากรี
กมี
ความหมาย
ชั
ดเจนเกี่
ยวกั
บความเป็
นชาติ
หรื
อประชาชาติ
จนกระทั่
งต่
อมาความหมายดั
งกล่
าว ค่
อยหายไป
มี
การนิ
ยามคํ
านี
้
ตามความหมายที่
สองของพจนานุ
กรมดั
งกล่
าวในความหมายที่
เกี่
ยวกั
บ “เชื
้
อชาติ
”
ที่
มี
ความหมายบนพื
้
นฐานความคิ
ดและความเชื่
อเดี
ยวกั
บคํ
าว่
า“ประชาชาติ
”และ“ชาติ
พั
นธุ
์
”ที่
เกี่
ยวกั
บ
การสื
บเชื
้
อสายหรื
อกลุ่
มชนที่
อยู
่
ในอาณาบริ
เวณอาณาจั
กรหรื
อรั
ฐโดยเฉพาะคํ
าว่
า “ethnos”และ
“ethnic” เป็
นความคิ
ดเกี่
ยวกั
บลั
กษณะแตกต่
างทางวั
ฒนธรรม ภาษา และความเป็
น
ต่
างชาติ
จนกระทั่
งต่
อมามี
การยกเลิ
กการใช้
คํ
าว่
า“เชื
้
อชาติ
”ในค.ศ.1935 (พ.ศ.2478) เปลี่
ยนมาใช้
คํ
าว่
า