nt139 - page 31

23
3. การดํ
าเนิ
นงาน
4. การประเมิ
นผล
5. การบํ
ารุ
งรั
กษา และพั
ฒนาให้
คงไว้
จากแนวคิ
ดเกี่
ยวกั
บขั้
นตอนการมี
ส่
วนร่
วมของชุ
มชนทั้
งหมดสรุ
ปได้
ว่
า ขั้
นตอนของการเข้
ามามี
ส่
วน
ร่
วมของชุ
มชนนั้
นมี
6 ขั้
นตอน ได้
แก่
1. การค้
นหาปั
ญหา สาเหตุ
ของปั
ญหา และแนวทางแก้
ไข
2. ตั
ดสิ
นใจกํ
าหนดความต้
องการ
3. ลํ
าดั
บความสํ
าคั
4. วางแผน กํ
าหนดวั
ตถุ
ประสงค์
วิ
ธี
การ แนวทางการดํ
าเนิ
นงานทรั
พยากร
5. ดํ
าเนิ
นงานตามโครงการ และ/หรื
อ สนั
บสนุ
นการดํ
าเนิ
นงาน
6. ประเมิ
นผล
4.4 รู
ปแบบการมี
ส่
วนร่
วมของชุ
มชนในการจั
ดการศึ
กษา
จากขั้
นตอนของการมี
ส่
วนร่
วมของชุ
มชน เพื่
อการร่
วมทํ
ากิ
จกรรมใดกิ
จกรรมหนึ่
ง ให้
เกิ
ดประโยชน์
ต่
อชุ
มชนนั
น บนพื้
นฐานของการเข้
ามามี
ส่
วนร่
วม ไพบู
ลย์
วั
ฒนศิ
ริ
ธรรม (2547) ได้
นํ
าเสนอความคิ
ดเห็
นผ่
าน
บทความ “แลหน้
าเศรษฐกิ
จสั
งคมไทย” สรุ
ปการเข้
ามี
ส่
วนร่
วมของประชาชนได้
ใน 2 ลั
กษณะ ได้
แก่
1. การมี
ส่
วนร่
วมของประชาชนที่
รั
ฐเป็
นผู้
นํ
า การมี
ส่
วนร่
วมในลั
กษณะนี้
เป็
นการมองมาจาก
เบื้
องบนหรื
อมาจากรั
ฐ ประชาชนเป็
นเพี
ยงผู้
คอยรั
บนโยบายและปฏิ
บั
ติ
ตาม
2. การมี
ส่
วนร่
วมที่
เกิ
ดจากความต้
องการของประชาชนด้
วยความสมั
ครใจโดยที่
รั
ฐคอย
ช่
วยเหลื
อให้
คํ
าแนะนํ
าหรื
อคอยอํ
านวยความสะดวกเท่
านั้
วิ
ชิ
ต นั
นทสุ
วรรณ และจํ
านงค์
แรกพิ
นิ
จ (2541) ได้
นํ
าเสนอรู
ปแบบการมี
ส่
วนร่
วมของชุ
มชนในการ
จั
ดการศึ
กษาไว้
ดั
งนี้
1. รู
ปแบบการจั
ดการศึ
กษาเพื่
อพั
ฒนาตนเอง การจั
ดการศึ
กษาในลั
กษณะนี้
เกิ
ดจาก
ความสามารถและความต้
องการของคนในชุ
มชน ที่
มุ่
งให้
เกิ
ดการเรี
ยนรู้
ที่
สอดคล้
องกั
บวิ
ถี
ชี
วิ
ตและตอบสนองความ
ต้
องการของสมาชิ
กในชุ
มชน โดยยึ
ดหลั
กให้
ผู้
เรี
ยนได้
เรี
ยนรู้
อย่
างไม่
มี
ขี
ดจํ
ากั
ดของระยะเวลา สถานที่
เพศ และอายุ
เป็
นการเปิ
ดโอกาสให้
คนได้
เรี
ยนรู
ตามอั
ธยาศั
ยที
แท้
จริ
ง ชุ
มชนได้
เข้
ามามี
บทบาทหลั
กในการจั
ดการศึ
กษา ทั้
งนี้
รู
ปแบบการมี
ส่
วนร่
วมตามแนวทางนี้
ต้
องอาศั
ยองค์
ประกอบ 3 อย่
างที่
มี
อยู่
ในชุ
มชน ได้
แก่
คน ความรู้
และ
ทรั
พยากร โดยมี
กระบวนการดํ
าเนิ
นการ คื
1. การวิ
เคราะห์
– สั
งเคราะห์
ปั
ญหาชุ
มชน
2. หาทางออกที่
เหมาะสมและสอดคล้
องกั
บวิ
ถี
ชี
วิ
3. ดํ
าเนิ
นการสร้
างกิ
จกรรมเพื่
อให้
ผู้
เรี
ยนได้
แก้
ไขปั
ญหาที
มี
อยู่
4. ประเมิ
นผลกิ
จกรรม
โดยการกํ
าหนดเนื้
อหาหรื
อกิ
จกรรมการเรี
ยนรู้
จะเริ่
มจากจุ
ดเล็
กๆ ที่
เกี่
ยวข้
องกั
บชี
วิ
ตประจํ
าวั
แล้
วขยายออกไปสู่
เนื้
อหาหรื
อกิ
จกรรมที่
ซั
บซ้
อน และเกี่
ยวข้
องกั
บวิ
ถี
ชี
วิ
ตทั้
งหมด
1...,21,22,23,24,25,26,27,28,29,30 32,33,34,35,36,37,38,39,40,41,...78
Powered by FlippingBook