nt139 - page 23

2. แนวคิ
ดและทฤษฎี
การเรี
ยนรู้
การเรี
ยนรู้
หมายถึ
ง การใช้
กระบวนการเรี
ยนรู้
ค้
นหาองค์
ความรู้
และสิ่
งประดิ
ษฐ์
หรื
อชิ้
นงาน ส่
วนกระบวนการ
เรี
ยนรู้
หมายถึ
ง การใช้
กระบวนการคิ
ดและกระบวนการทางสั
งคม/กระบวนการกลุ่
ม ค้
นคว้
าความรู้
หาผลผลิ
แนวคิ
ดและทฤษฎี
ที่
เกี่
ยวข้
องกั
บการเรี
ยนรู้
ที่
นํ
ามาศึ
กษาคื
อ การเรี
ยนรู้
ทางศิ
ลปะ การเรี
ยนรู้
โดยการสั
งเกต
หรื
อการเลี
ยนแบบจากตั
วแบบและทฤษฎี
แรงจู
งใจ ทฤษฎี
และแนวคิ
ดเหล่
านี้
สามารถนํ
าไปปรั
บใช้
ในการจั
ดการเรี
ยนรู้
สาระทั
ศนศิ
ลป์
ในโรงเรี
ยนได้
2.1 การเรี
ยนรู้
ทางศิ
ลปะ
การเรี
ยนรู้
ทางศิ
ลปะเป็
นการเรี
ยนรู้
ที่
ก่
อให้
เกิ
ดความรู้
หรื
อการเรี
ยนรู้
ทางด้
านพุ
ทธิ
พิ
สั
ยและคุ
ณค่
า หรื
คุ
ณสมบั
ติ
ด้
านจิ
ตพิ
สั
ยซึ่
งได้
แก่
ความซาบซึ้
งและการเห็
นคุ
ณค่
า เนื่
องจากความรู้
ดั
งกล่
าวเป็
นศาสตร์
หรื
อสาขาวิ
ชาที่
มี
เนื้
อหาสาระด้
านสุ
นทรี
ย์
เป็
นหั
วใจสํ
าคั
ญ ดั
งที่
เดวิ
ด เอคเคอร์
(David Ecker) ได้
กล่
าวว่
า ความรู้
ทางศิ
ลปะนั้
นเป็
กระบวนการเชิ
งคุ
ณภาพ เห็
นได้
จากผลงานศิ
ลปะที่
ศิ
ลปิ
นได้
มี
การใช้
ระบบเส้
น สี
รู
ปร่
าง รู
ปทรง พื้
นผิ
ว และมวล
ออกมาเป็
นผลงานที่
มี
คุ
ณภาพตามที่
ต้
องการจนสามารถมองเห็
นคุ
ณสมบั
ติ
การเลื
อกสรร การควบคุ
มกระบวนการ และ
ผลสํ
าเร็
จ สามารถแบ่
งเป็
นหมวดหมู่
เป็
นแบบอย่
างได้
ความรู้
และคุ
ณค่
านี้
จึ
งเป็
นความรู้
ที่
ผสมผสานกั
น (มะลิ
ฉั
ตร
เอื้
ออานั
นท์
, 2550)
อารี
สั
ณหฉวี
(2545) ได้
สรุ
ปว่
า การเรี
ยนรู้
ทางศิ
ลปะเป็
นการเรี
ยนรู้
ที
ทํ
าให้
ผู้
เรี
ยนเปลี่
ยนพฤติ
กรรม 3 ด้
าน
คื
อ ด้
านพุ
ทธิ
พิ
สั
ย ด้
านทั
กษะพิ
สั
ย และด้
านจิ
ตพิ
สั
1. ด้
านพุ
ทธิ
พิ
สั
ย เป็
นการเปลี่
ยนแปลงด้
านสมองของผู้
เรี
ยนจากการไม่
รู้
ไม่
เข้
าใจโดยการเน้
นหาเหตุ
ผลเป็
เรื่
องสํ
าคั
ญ การสอนศิ
ลปะให้
ยึ
ดเหตุ
ผลที่
สอดคล้
องกั
บสภาพของสั
งคม เป็
นการเรี
ยนรู้
จากส่
วนรวมมาส่
วนย่
อย เน้
ให้
ผู้
เรี
ยนสร้
างความรู้
ด้
วยประสบการณ์
หลายๆด้
าน ส่
งเสริ
มให้
ผู้
เรี
ยนค้
นหาเหตุ
ผลและกฏเกณฑ์
จากการพิ
นิ
จพิ
จารณา
การทํ
างานซึ่
งจะเป็
นทั้
งปั
ญหาและการยั่
วยุ
ให้
เกิ
ดการทํ
างาน โดยใช้
ธรรมชาติ
รอบตั
วเป็
นแม่
บทหรื
อตั
วแบบ เพราะ
ความรู้
ความเข้
าใจต่
อศิ
ลปะและธรรมชาติ
เป็
นพื้
นฐานสํ
าคั
ญทางสุ
นทรี
ยภาพ ดั
งนั้
น ความรู้
ทางศิ
ลปะจึ
งมี
คุ
ณค่
ผสมผสานอยู่
2. ด้
านทั
กษะ เป็
นการเปลี่
ยนแปลงพฤติ
กรรมของผู้
เรี
ยนด้
านทั
กษะ ทั้
งการพู
ด ความคิ
ด การปฏิ
บั
ติ
การ
เขี
ยน คื
อการทํ
าให้
ผู้
เรี
ยนมี
ทั
กษะต่
างๆอย่
างฉั
บไว โดยการฝึ
กแก้
ปั
ญหา คิ
ดสร้
างสรรค์
การแก้
ปั
ญหาในงาน การ
ประดิ
ษฐ์
การฝึ
กพู
ด การวิ
จารณ์
งาน การกํ
าหนดปั
ญหาให้
ผู้
เรี
ยนคิ
ดค้
นซึ่
งทั
กษะด้
านการปฏิ
บั
ติ
นี้
ถื
อว่
าเป็
นพฤติ
กรรม
สํ
าคั
ญของการเรี
ยนรู้
ด้
านศิ
ลปะ เพราะธรรมชาติ
ของวิ
ชาศิ
ลปะมี
ส่
วนร่
วมในการพั
ฒนาทั
กษะของผู้
เรี
ยนได้
หลายทาง
และเป็
นสิ่
งที่
ฝั
งแน่
นกั
บผู้
เรี
ยนอย่
างแท้
จริ
3. ด้
านจิ
ตพิ
สั
ย เป็
นการเปลี่
ยนแปลงทางคุ
ณลั
กษณะด้
านจิ
ตใจ อารมณ์
ความรู
สึ
กของคนซึ่
งเกี่
ยวข้
องกั
พฤติ
กรรมการรั
บรู้
และการเรี
ยนรู้
ในเชิ
งคุ
ณภาพ 3 ด้
านคื
อ การรั
บรู้
ทางทั
ศน์
การเลื
อกตั
วเลื
อกที่
พึ
งพอใจ และ
ความเฉี
ยบไวในแบบอย่
างของศิ
ลปะ
3.1 การรั
บรู้
ทางทั
ศน์
ได้
แก่
ทั
กษะการรั
บรู้
ด้
านการเห็
น เป็
นมิ
ติ
หนึ่
งของพฤติ
กรรมมนุ
ษย์
ที่
ช่
วยให้
มนุ
ษย์
เกิ
ดความเข้
าใจและเป็
นหนทางสู่
ความรู้
ความเข้
าใจ
3.2 การเลื
อกตั
วเลื
อกที่
พึ
งพอใจ หมายถึ
งทั
ศนะที่
เกี่
ยวข้
องกั
บการเห็
นว่
าสิ
งหนึ่
งงามหรื
อไม่
งาม
ชอบหรื
อไม่
ชอบ โดยเปรี
ยบเที
ยบกั
บอี
กสิ่
งหนึ่
งหรื
อหลายสิ่
ง คุ
ณสมบั
ติ
1...,13,14,15,16,17,18,19,20,21,22 24,25,26,27,28,29,30,31,32,33,...78
Powered by FlippingBook