nt139 - page 24

16
ของผู้
รั
บรู้
เช่
น อายุ
เพศ พื้
นฐานการศึ
กษา การค้
นคว้
าเกี่
ยวกั
บการเลื
อกตั
วเลื
อกที่
พึ
งพอใจจะเพิ่
มพู
นขึ้
นโดยอาศั
วิ
ธี
การต่
างๆคื
อ การสร้
างความคุ้
นเคย การใช้
ศิ
ลปะวิ
เคราะห์
การใช้
กิ
จกรรมศิ
ลปะปฏิ
บั
ติ
3.3 ความเฉี
ยบไวในแบบอย่
างของศิ
ลปะ เป็
นการรั
บรู้
อย่
างฉั
บพลั
น หรื
อความไวในการรั
บรู้
แบบอย่
างของศิ
ลปะ การที่
เด็
กพั
ฒนาความเฉี
ยบไวต่
อแบบอย่
างของศิ
ลปะนั้
นขึ้
นอยู่
กั
บปั
จจั
ย 2 ประการคื
พั
ฒนาการความสามารถในการรั
บรู
ของเด็
กเอง และประสบการณ์
ทางศิ
ลปะที่
ผ่
านมาของเด็
ก การที่
ศิ
ลปะจะช่
วย
สร้
างสติ
ปั
ญญา ความคิ
ดให้
แก่
เด็
กนั้
นต้
องมี
การเรี
ยนการสอน มิ
ใช่
เกิ
ดขึ้
นในตั
วเด็
กเอง ศิ
ลปะที่
ต่
างแขนงกั
น (
ทั
ศนศิ
ลป์
, ดนตรี
, การแสดง ) ต่
างก็
เสริ
มประสบการณ์
ด้
านความคิ
ดและความเฉี
ยบไวต่
อแบบอย่
างศิ
ลปะให้
แก่
เด็
2.2 การเรี
ยนรู้
โดยการสั
งเกตและการเลี
ยนแบบจากตั
วแบบ
การเรี
ยนรู้
ของมนุ
ษย์
ส่
วนมากเป็
นการเรี
ยนรู้
โดยการสั
งเกตหรื
อลอกเลี
ยนแบบ แต่
เนื่
องจากคนเรามี
ปฏิ
สั
มพั
นธ์
กั
บสิ่
งแวดล้
อมอยู่
เสมอ ดั
งนั้
น การเรี
ยนรู้
จึ
งเกิ
ดจากการปฏิ
สั
มพั
นธ์
ระหว่
างผู้
เรี
ยนกั
บสิ่
งแวดล้
อมในสั
งคม
ซึ่
งทั้
งผู้
เรี
ยนและสิ่
งแวดล้
อมมี
อิ
ทธิ
พลต่
อกั
นไม่
จํ
ากั
ดว่
าเป็
นบุ
คคล อาจหมายถึ
งตั
วแบบสั
ญลั
กษณ์
หนั
งสื
อ ตั
วแบบใน
โทรทั
ศน์
เป็
นต้
น การเรี
ยนรู้
โดยการสั
งเกตไม่
ใช่
การลอกแบบจากสิ่
งที่
สั
งเกตโดยที่
ผู้
เรี
ยนไม่
คิ
ด ดั
งนั้
น คุ
ณสมบั
ติ
ของ
ผู้
เรี
ยนจึ
งมี
ความสํ
าคั
ญเช่
น ผู้
เรี
ยนจะต้
องมี
ความสามารถที่
จะรั
บรู้
สิ่
งเร้
า และสร้
างรหั
ส หรื
อกํ
าหนดสั
ญลั
กษณ์
ของสิ่
ที่
สั
งเกตเก็
บไว้
ในความทรงจํ
าระยะยาว สามารถเรี
ยกใช้
ในขณะที่
ผู้
สั
งเกตต้
องการแสดงพฤติ
กรรมเหมื
อนตั
วแบบ
(สุ
รางค์
โคว้
ตระกู
ล , 2544)
การเรี
ยนรู้
โดยการสั
งเกตหรื
อเลี
ยนแบบ มี
ขั้
นตอนดั
งนี้
2.2.1 ขั้
นตอนของการเรี
ยนรู้
โดยการสั
งเกตหรื
อการเลี
ยนแบบ มี
2 ขั้
นตอนคื
อ ขั้
นแรกเป็
นการได้
รั
บมาซึ่
งการรั
บรู้
มี
ส่
วนประกอบที่
สํ
าคั
ญคื
อ ผู้
เรี
ยนจะต้
องเลื
อกสั
งเกตสิ่
งที่
ต้
องการเรี
ยนรู้
โดยผู้
เรี
ยนจะต้
องมี
การเข้
ารหั
สเก็
บไว้
ใน
ความทรงจํ
าระยะยาวอย่
างถู
กต้
อง ทํ
าให้
สามารถแสดงพฤติ
กรรมได้
ขั้
นที่
สองเป็
นขั้
นการกระทํ
าขึ้
นอยู่
กั
บผู้
เรี
ยน ซึ่
อาจจะกระทํ
าหรื
อไม่
ก็
ได้
2.2.2 กระบวนการสํ
าคั
ญในการเรี
ยนรู้
โดยการสั
งเกตหรื
อเลี
ยนแบบ มี
ทั้
งหมด 4 อย่
างคื
2.2.2.1 ความใส่
ใจ มี
ความสํ
าคั
ญมากที่
จะทํ
าให้
เกิ
ดการสั
งเกตหรื
อการเลี
ยนแบบ ผู้
เรี
ยนจะต้
องรั
บรู้
ส่
วนประกอบที่
สํ
าคั
ญของพฤติ
กรรมของผู
ที่
เป็
นตั
วแบบ องค์
ประกอบที่
สํ
าคั
ญของตั
วแบบที่
มี
อิ
ทธิ
พลต่
อความใส่
ใจของ
ผู้
เรี
ยน เช่
น เป็
นผู้
มี
เกี
ยรติ
สู
ง ความสามารถสู
ง การแต่
งกายดี
มี
อํ
านาจที่
จะให้
รางวั
ลหรื
อลงโทษ เป็
นต้
2.2.2.2 การจดจํ
า การที่
ผู้
เรี
ยนจะแสดงพฤติ
กรรมเหมื
อนตั
วแบบได้
นั้
นผู้
เรี
ยนจะต้
องบั
นทึ
กสิ่
งที่
ตนสั
งเกต
จากตั
วแบบไว้
ในความจํ
าระยะยาว ผู้
สั
งเกตที่
สามารถอธิ
บายพฤติ
กรรมหรื
อการกระทํ
าของตั
วแบบด้
วยคํ
าพู
ด หรื
สามารถมี
ภาพลั
กษณ์
ในสิ่
งที่
ตนสั
งเกตเป็
นภาพในใจได้
จะเป็
นผู้
ที่
สามารถจดจํ
และเรี
ยนรู้
โดยการสั
งเกตหรื
เลี
ยนแบบได้
ดี
กว่
าผู้
ที่
ดู
เฉยๆ
2.2.2.3 การแสดงพฤติ
กรรมเหมื
อนตั
วแบบ เป็
นกระบวนการที่
ผู้
เรี
ยนแปรภาพลั
กษณ์
หรื
อสิ่
งที่
จดจํ
าไว้
เป็
รหั
สถ้
อยคํ
า แสดงออกมาเป็
นพฤติ
กรรมหรื
อการกระทํ
าเหมื
อนตั
วแบบ ในขั้
นของการแสดงพฤติ
กรรมแต่
ละคนมี
ความ
แตกต่
างกั
น อาจทํ
าได้
ดี
กว่
าตั
วแบบ เหมื
อนตั
วแบบ คล้
ายคลึ
ง หรื
อไม่
สามารถแสดงได้
เหมื
อนตั
วแบบเลยก็
ได้
1...,14,15,16,17,18,19,20,21,22,23 25,26,27,28,29,30,31,32,33,34,...78
Powered by FlippingBook