st126 - page 23

๑๕
ลั
กษณะภู
มิ
อากาศ
ภู
มิ
อากาศขององค์
การบริ
หารส่
วนตาบลกายู
คละ มี
อากาศชื้
นและฝนตกชุ
กตลอด
ทั้
งปี
ซึ่
งสามารถแบ่
งได้
๒ ฤดู
คื
อฤดู
ร้
อน เริ่
มตั้
งแต่
เดื
อน กุ
มภาพั
นธ์
- เดื
อนเมษายนเนื่
องจากลมตะวั
นออก
เฉี
ยงใต้
ซึ่
งเป็
นลมร้
อนที่
พั
ดมา จากทะเลจี
นใต้
ทาให้
อากาศร้
อนและชื้
นอุ
ณหภู
มิ
ต่
าสุ
ดในเดื
อนกุ
มภาพั
นธ์
ฤดู
ฝน เริ่
มตั้
งแต่
เดื
อนพฤษภาคม- ตุ
ลาคม และอี
กช่
วงคื
อเดื
อนพฤศจิ
กายน-เดื
อนมกราคม ปริ
มาณฝน รวมตั้
งแต่
เดื
อนมกราคม-ธั
นวาคม
สภาพปั
จจุ
บั
ลั
กษณะประชากรมี
จานวนประชากร ทั้
งสิ้
น ๗,๒๒๕ คน
แบ่
งเป็
จานวนประชากร
หญิ
ง ๓,๖๘๐ คนจานวนประชากรชาย ๓,๕๔๕คน
และ
จานวนครั
วเรื
อน ๑,๓๕๖ คน
๔.๒ ผลการสั
มภาษณ์
การมี
ส่
วนร่
วมของผู้
นาสี่
เสาหลั
กในการบริ
หารจั
ดการส่
งเสริ
มศิ
ลปวั
ฒนธรรม
ท้
องถิ่
น: กรณี
ศึ
กษา “ตารี
อี
นา” พบว่
จากการลงพื้
นที่
ปฏิ
บั
ติ
การเก็
บข้
อมู
ลภาคสนามโดยการสั
มภาษณ์
ผู้
นาสี่
เสาหลั
ก พบว่
า ผู้
นาสี่
เสาหลั
ให้
ความสนใจ สนั
บสนุ
นเป็
นอย่
างดี
โดยมี
มุ
มมองว่
า “ชุ
มชนต้
องเป็
นเสมื
อนครอบครั
วเดี
ยวกั
น” โดยเฉพาะ
ผู้
นาธรรมชาติ
(ปราชญ์
ชาวบ้
าน) องค์
กรเยาวชน (ผู้
นาท้
องที่
) และกานั
น (ผู้
นาท้
องถิ่
น) ได้
ดู
ทุ
กครั้
งเวลาคณะ
ตารี
อี
นาได้
จั
ดการแสดงจะไม่
ค่
อยมี
บทบาทมากนั
กก็
เห็
นจะเป็
นผู้
นาทางจิ
ตวิ
ญญาณ (โต๊
ะอี
หม่
าม) แต่
ก็
ไม่
ได้
ห้
ามแม้
จะมองว่
าประเด็
นทางศาสนาจะทาได้
หรื
อเปล่
าในการแสดงตารี
อี
นา ผลการศึ
กษาสามารถอธิ
บายได้
ดั
งนี้
จากการสั
มภาษณ์
เก็
บข้
อมู
ลผู้
นาองค์
การปกครองท้
องถิ่
น พบว่
า ผู้
นาองค์
การปกครองท้
องถิ่
นจะให้
ความสาคั
ญแก่
ชุ
มชนในระบบวงกว้
างหรื
อในระดั
บมหภาคของชุ
มชนคื
อจะดู
แลในเรื่
องความสะดวกภายใน
ชุ
มชนว่
าชุ
มชนมี
ความต้
องการอะไรบ้
างหรื
ออะไรบ้
างที่
ยั
งขาดตกบกพร่
องหรื
อยั
งไม่
มี
ภายในชุ
มชน แต่
ชุ
มชนมี
ความต้
องการจาเป็
นต้
องใช้
เพื่
อความสะดวกในด้
านต่
าง ๆ ตามความต้
องการของประชาชนในชุ
มชน ส่
วนเรื่
อง
งบประมาณที่
เข้
ามาในชุ
มชนผู้
นาองค์
การปกครองท้
องถิ่
นร่
วมกั
บเยาวชนเป็
นตั
วหลั
กในการรั
บผิ
ดชอบ
อย่
างไรก็
ตามจากการได้
ผู้
คุ
ยสั
มภาษณ์
ผู้
นาองค์
การปกครองท้
องถิ่
น จะพบว่
า จะให้
ความสาคั
ญกั
เยาวชนรุ่
นใหม่
มาก มี
การดึ
งเยาวชนเข้
ามาทางานร่
วมกั
น เพื่
อเป็
นการสร้
างเยาวชนรุ่
นใหม่
ให้
รู้
จั
กการทางาน
รั
บใช้
สั
งคม ซึ่
งมองว่
าเยาวชนรุ่
นใหม่
นี้
ที่
จะมาแทนที่
ในการทางานรั
บใช้
สั
งคมในอนาคต
และจากการสั
มภาษณ์
เก็
บข้
อมู
ลผู้
นาธรรมชาติ
พบว่
า ผู้
นาธรรมชาติ
เป็
นบุ
คคลที่
ประชาชนให้
ความ
เคารพนั
บถื
อยิ่
ง และยั
งเป็
นผู้
ที่
มี
ภู
มิ
รู้
ภู
มิ
ป๎
ญญาในเรื่
องต่
าง ๆ เป็
นอย่
างดี
จากการพู
ดคุ
ยสั
มภาษณ์
กั
บผู้
นา
ธรรมชาติ
ทาให้
คณะผู้
วิ
จั
ยได้
สั
มผั
สเห็
นถึ
งวิ
สั
ยทั
ศน์
ของผู้
นาธรรมชาติ
ที่
กว้
างไกล โดยหลั
กแล้
วผู้
นาธรรมชาติ
จะ
คอยให้
การสนั
บสนุ
นในกิ
จกรรมต่
างๆของชุ
มชนคื
อเป็
นบุ
คคลที่
คอยดู
แลในภาพรวมของชุ
มชน ซึ่
งหากชุ
มชนมี
ป๎
ญหาหรื
อเกิ
ดอะไรขึ้
น ผู้
นาธรรมชาติ
จะเป็
นบุ
คคลสาคั
ญที่
จะให้
คาปรึ
กษาแนะนา จู
งใจให้
ชาวบ้
านเห็
ความสาคั
ญในการให้
ความร่
วมมื
อ และสามารถให้
ความสะดวกในการทางาน การทางานของผู้
นาธรรมชาติ
เป็
นเสมื
อนสะพานที่
เชื่
อมต่
อระหว่
างประชาชนในชุ
มชนกั
บผู้
นาต่
างๆ ในชุ
มชน กล่
าวคื
อเมื่
อประชาชนใน
ชุ
มชนมี
เรื่
องเดื
อดร้
อนก็
จะเล่
าสู่
กั
นฟ๎
งให้
ผู้
นาธรรมชาติ
รั
บรู้
หลั
งจากนั้
นผู้
นาธรรมชาติ
ก็
จะเป็
นผู้
ถ่
ายทอดความ
เดื
อดร้
อนของประชาชนในพื้
นที่
ให้
ผู้
ใหญ่
บ้
านได้
ทราบ เพื่
อช่
วยหาทางแก้
ไขป๎
ญหากั
นต่
อไป
และสาหรั
บการสั
มภาษณ์
เก็
บข้
อมู
ลผู้
นาศาสนา พบว่
า ผู้
นาศาสนามี
บทบาทสาคั
ญในเรื่
องจิ
ตวิ
ญญาณ
การเสริ
มสร้
างความรู้
ความเข้
าใจที่
ถู
กต้
องในการประพฤติ
ปฏิ
บั
ติ
ตนตามหลั
กธรรมคาสอนทางศาสนา
1...,13,14,15,16,17,18,19,20,21,22 24,25,26,27,28,29,30,31,32,33,...47
Powered by FlippingBook