๑๓
บทที่
๓
วิ
ธี
ดาเนิ
นการวิ
จั
ย
การวิ
จั
ยในครั้
งนี้
ใช้
ระเบี
ยบวิ
ธี
วิ
จั
ยแบบเชิ
งคุ
ณภาพ ดั
งรายละเอี
ยดต่
อไปนี้
๓.๑ วิ
จั
ยเชิ
งคุ
ณภาพ
(Qualitative Research) ใช้
วิ
ธี
การเก็
บรวบรวมข้
อมู
ล ๓ วิ
ธี
คื
อ การศึ
กษา
จากเอกสารที่
เกี่
ยวข้
อง การสั
มภาษณ์
แบบเจาะลึ
ก และเสวนากลุ่
มย่
อย(Focus Group) เพื่
อนาข้
อมู
ลที่
ได้
มา
วิ
เคราะห์
ในเชิ
งเนื้
อหา (Content Analysis)
๓.๒ การวิ
จั
ยเชิ
งเอกสาร (Documentary Research)
โดยศึ
กษาจากเอกสารทาง วิ
ชาการ ตารา
รายงานการวิ
จั
ย ภาคนิ
พนธ์
วิ
ทยานิ
พนธ์
วารสาร และสิ่
งพิ
มพ์
ต่
าง ๆ ที่
เกี่
ยวข้
องกั
บประวั
ติ
ความเป็
นมาของ
“ตารี
อี
นา” ในฐานะมรดกทางวั
ฒนธรรมท้
องถิ่
น
๓.๓ การสั
มภาษณ์
เชิ
งลึ
ก (InDepth Interviews)
ใช้
วิ
ธี
การการสั
มภาษณ์
เชิ
งลึ
ก (In Depth
Interviews) ผู้
นาสี่
เสาหลั
ก ตลอดจนประชาชนในท้
องถิ่
น ซึ่
งแบ่
งเป็
น ๓ กลุ่
มดั
งนี้
ผู้
นาสี่
เสาหลั
ก ได้
แก่
ผู้
นาองค์
การท้
องที่
ผู้
นาองค์
การปกครองท้
องถิ่
น ผู้
นา
ธรรมชาติ
และผู้
นาทางศาสนา ต.กายู
คละ อ.แว้
ง จ.นราธิ
วาส
ประชาชนในท้
องถิ่
น ต.กายู
คละ อ.แว้
ง จ.นราธิ
วาสจานวน ๑๘ คน โดยคั
ดเลื
อก
จากตั
วแทนของทั้
ง ๙หมู่
บ้
าน หมู่
บ้
านละ ๒ คน
องค์
กรเยาวชน โดยคั
ดเลื
อกตั
วแทนจานวน ๒ คน
๓.๔ การเสวนากลุ่
มย่
อย (Focus Group)
โดยผู้
ที่
เกี่
ยวข้
องในตาบลประกอบด้
วย ผู้
นาสี่
เสาหลั
ก
องค์
กรเยาวชน ตลอดจนประชาชนในท้
องถิ่
น
๓.๕ การเก็
บรวบรวมข้
อมู
ล
ใช้
วิ
ธี
ศึ
กษาวิ
จั
ยโดยการรวบรวมข้
อมู
ลทุ
ติ
ยภู
มิ
จากการสารวจวรรณกรรมเป็
นการค้
นคว้
าทางด้
าน
เอกสาร เช่
น เอกสารทางวิ
ชาการ บทความ วารสาร เอกสาร หนั
งสื
อพิ
มพ์
และบั
นทึ
กต่
าง ๆ แหล่
งที่
มาของ
ข้
อมู
ลส่
วนใหญ่
ได้
จากการค้
นคว้
าในห้
องสมุ
ดมหาวิ
ทยาลั
ยของไทย อิ
นเทอร์
เน็
ต แหล่
งเอกสารจากหน่
วยงานที่
มี
ส่
วนเกี่
ยวข้
อง ตลอดจนข้
อมู
ลที่
ได้
จากการสั
มภาษณ์
เชิ
งลึ
กผู้
นาสี่
เสาหลั
ก ตลอดจนประชาชนในท้
องถิ่
น
รวมถึ
งการจั
ดเสวนากลุ่
มย่
อย (Focus Group) กั
บผู้
ที่
เกี่
ยวข้
อง
๓.๖ การวิ
เคราะห์
ข้
อมู
ล
การวิ
จั
ยครั้
งนี้
ดาเนิ
นการตามระเบี
ยบวิ
ธี
วิ
เคราะห์
ข้
อมู
ลเชิ
งคุ
ณภาพ เริ่
มจากการค้
นคว้
าข้
อมู
ลตาม
เอกสารที่
ปรากฏรวมทั้
งหาข้
อมู
ลป๎
จจุ
บั
นที่
บ่
งบอกถึ
งสถานการณ์
ตลอดจนแนวทางการบริ
หารจั
ดการส่
งเสริ
ม
ศิ
ลปวั
ฒนธรรมท้
องถิ่
น(ตารี
อี
นา) จากนั้
นดาเนิ
นการสั
มภาษณ์
เชิ
งลึ
กผู้
นาสี่
เสาหลั
ก ตลอดจนประชาชนใน
ท้
องถิ่
นในประเด็
นที่
เกี่
ยวข้
องดั
งนี้
๓.๖.๑ กระบวนการมี
ส่
วนร่
วมของผู้
นาสี่
เสาหลั
กในการส่
งเสริ
มในการบริ
หารจั
ดการ
ศิ
ลปวั
ฒนธรรมท้
องถิ่
น
๓.๖.๒ประวั
ติ
ความเป็
นมาของ “ตารี
อี
นา” ในฐานะมรดกทางวั
ฒนธรรมท้
องถิ่
น
๓.๖.๓ แนวทางในการส่
งเสริ
ม ฟื้
นฟู
อนุ
รั
กษ์
“ตารี
อี
นา” สื
บต่
อไป
โดยนาผลที่
ได้
จากการสั
มภาษณ์
และการศึ
กษาข้
อมู
ลมาวิ
เคราะห์
ข้
อมู
ลแบบวั
ฒนธรรมพรรณนา
