st126 - page 16

งานพั
ฒนาพื้
นที่
สามจั
งหวั
ดชายแดนภาคใต้
ในประเด็
นโจทย์
ป๎
ญหาต่
างๆที่
รุ
มเร้
าพื้
นที่
ไม่
เว้
นแม้
แต่
ทางด้
านการ
ส่
งเสริ
มศิ
ลปวั
ฒนธรรม กล่
าวคื
วิ
มลศรี
ผุ
ดเพชรแก้
ว(๒๕๕๑)ได้
ศึ
กษาเรื่
อง“
การมี
ส่
วนร่
วมของเครื
อข่
ายวั
ฒนธรรมและชุ
มชนใน
การบริ
หารจั
ดการวั
ฒนธรรม กรณี
ศึ
กษา เพลงนา อาเภอสวี
จั
งหวั
ดชุ
มพร
” ผลการวิ
จั
ยพบว่
า เพลงนา
เป็
นเพลงพื้
นบ้
านที่
นิ
ยมร้
องเล่
นกั
นมาแต่
โบราณของจั
งหวั
ดชุ
มพร เดิ
มที
ใช้
ร้
องเล่
นกั
นในทุ่
งนาในฤดู
เก็
บเกี่
ยว
ข้
าว ภายหลั
งได้
นามาร้
องเล่
นกั
นไม่
จากั
ดสถานที่
และโอกาส เช่
นงานสงกรานต์
งานบวชนาค งานขึ้
นบ้
าน
ใหม่
งานขึ้
นปี
ใหม่
งานมงคลสมรส หรื
อแม้
กระทั่
งในงานศพก็
มี
การร้
องเล่
นเพลงนากั
น การร้
องเพลงนาจะ
มี
ผู้
ร้
อง ๒ คน ถ้
ามากกว่
า ๒ คน ก็
ต้
องเป็
นจานวนคู่
แต่
ที่
นิ
ยมมั
กไม่
เกิ
น ๔ คน หรื
อ ๒ คู่
แต่
ละคู่
จะมี
แม่
เพลง ๑ คน ทาหน้
าที่
ร้
องนา เรี
ยกว่
า แม่
คู่
หรื
อ “หั
วไฟ” และมี
ผู้
รั
บหรื
อทอย ๑ คน เรี
ยกว่
“ท้
ายไฟ” ถ้
าผู้
เล่
นมี
คู่
เดี
ยว เนื้
อหาหรื
อบทที่
ร้
องมั
กจะเป็
นบทชม บทเกี้
ยว แต่
ถ้
าร้
อง ๒ คู่
มั
กจะเป็
กลอนรบหรื
อบทฉะฟ๎
น คื
อร้
องโต้
ตอบกั
น โดยต่
างฝุ
ายต่
างหยิ
บยกเอาจุ
ดอ่
อน หรื
อปมด้
อยของฝุ
ายตรงข้
าม
ขึ้
นมาว่
ากั
น การร้
องโต้
ตอบกั
นนี้
ผู้
ที่
เป็
นท้
ายไฟของฝุ
ายใดก็
ทาหน้
าที่
รั
บทอยของฝุ
ายนั้
น การร้
องเพลงนาจะ
ร้
องเป็
นกลอนสด หรื
อกลอนปฏิ
ภาณ ไม่
มี
ดนตรี
ใด ๆ ประกอบ ผู้
ร้
องจะต้
องมี
สติ
ป๎
ญญาและไหวพริ
บดี
เพลงนาวรรคหนึ่
งอาจจะมี
ตั้
งแต่
๔ - ๑๐ คา ป๎
ญหาที่
เกิ
ดขึ้
นกั
บชุ
มชน/ศิ
ลปะการแสดงเพลงนา พบว่
ป๎
ญหาที่
เกิ
ดขึ้
น ประกอบด้
วย
๑. เพลงนาในอดี
ตนิ
ยมร้
องเล่
นในฤดู
เก็
บเกี่
ยวข้
าว เพื่
อความสนุ
กสนาน คลายความเหน็
ดเหนื่
อย
แต่
ในป๎
จจุ
บั
นประชาชนหั
นไปปลู
กพื
ชเศรษฐกิ
จอื่
นแทน เช่
น ปาล์
ม การประกอบอาชี
พทานาลดน้
อยลง
การร้
องเพลงนาจึ
งลดความนิ
ยมลงไปเรื่
อย ๆ และอาจจะเลื
อนหายไปในที่
สุ
๒. ในอดี
ตผู้
ที่
ร้
องเพลงนาได้
มี
จานวนไม่
มากเมื่
อผู้
ที่
ร้
องเพลงนาเสี
ยชี
วิ
ตไปก็
เสมื
อนว่
าเพลงนาได้
หมดไปด้
วย อี
กทั้
งยั
งขาดผู้
สื
บทอดและสื
บสานศิ
ลปะการแสดงเพลงนา รุ่
นลู
ก รุ่
นหลานไม่
รู้
จั
กขาดความ
สนใจ และไม่
ให้
ความสาคั
ญที่
จะสื
บสาน
๓. การร้
องเพลงนา ไม่
มี
ดนตรี
ใด ๆ ประกอบ จึ
งไม่
เป็
นที่
ดึ
งดู
ดความสนใจจากเยาวชนรุ่
นหลั
ง ซึ่
เป็
นวั
ยที่
“ร้
อน แรง เร็
ว”
วั
ฒนธรรมจั
งหวั
ดนครศรี
ธรรมราช(๒๕๕๑)ได้
ศึ
กษาเรื่
อง“
การวิ
จั
ยแบบมี
ส่
วนร่
วมของเครื
อข่
าย
วั
ฒนธรรมและชุ
มชนในการบริ
หารจั
ดการวั
ฒนธรรมกรณี
ศึ
กษา “ประเพณี
สวดด้
านวั
ดพระมหาธาตุ
วรมหาวิ
หาร”
ผลการศึ
กษาพบว่
า ๑. การมี
ส่
วนร่
วมของเครื
อข่
ายวั
ฒนธรรมและชุ
มชนในการบริ
หารจั
ดการ
ประเพณี
สวดด้
านในครั้
งนี้
มี
การส่
งตั
วแทนแต่
ละสาขาร่
วมแสดงความคิ
ดเห็
น ความเป็
นมาของป๎
ญหา และตั้
โจทย์
เพื่
อที่
จะหาแนวทางในการฟื้
นฟู
อนุ
รั
กษ์
ประเพณี
สวดด้
าน ซึ่
งเป็
นคาตอบของโจทย์
การวิ
จั
ย และร่
วม
สร้
างเครื่
องมื
อ ได้
ร่
วมกั
นสร้
างเครื่
องมื
อในการวิ
จั
ย เตรี
ยมคาถามสาหรั
บสั
มภาษณ์
เพื่
อนาไปสู่
คาตอบที่
ต้
องการ และสุ
ดท้
าย มี
เครื
อข่
ายร่
วมเวที
เสวนา แสดงความคิ
ดเห็
น แลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู้
ทาให้
ได้
แนวทางในการ
ฟื้
นฟู
อนุ
รั
กษ์
ประเพณี
สวดด้
านให้
คงอยู่
คู่
เมื
องนครอย่
างยั่
งยื
น ๒. แนวทางในการฟื้
นฟู
อนุ
รั
กษ์
ประเพณี
สวด
ด้
านให้
คงอยู่
สื
บไปโดยได้
ข้
อสรุ
ปว่
าเห็
นควรจั
ดทาเครื
อข่
ายการศึ
กษาเชิ
งบู
รณาการแบบคู่
ขนานโดยสานั
กงาน
วั
ฒนธรรมจั
งหวั
ดร่
วมสนั
บสนุ
นงบประมาณและบุ
คลากรที่
มี
ความรู้
ความสามารถในการจั
ดทาหลั
กสู
ตรท้
องถิ่
และทางสานั
กงานเขตพื้
นที่
การศึ
กษา ซึ่
งมี
หน้
าที่
โดยตรงในการจั
ดการเรี
ยนการสอนให้
กั
บทางโรงเรี
ยนในเขต
พื้
นที่
อยู่
แล้
ว จะต้
องมี
การส่
งเสริ
มและสนั
บสนุ
นอย่
างจริ
งจั
งให้
เกิ
ดหลั
กสู
ตรท้
องถิ่
นประเพณี
สวดด้
านในการ
เรี
ยนการสอนในระดั
บประถมศึ
กษา และมั
ธยมศึ
กษา ผู้
วิ
จั
ยเห็
นว่
าวิ
ธี
การดั
งกล่
าวจึ
งจะสามารถสร้
างประเพณี
สวดด้
านให้
อยู่
ตลอดไป
1...,6,7,8,9,10,11,12,13,14,15 17,18,19,20,21,22,23,24,25,26,...47
Powered by FlippingBook