sp104 - page 18

บทที่
๒ เอกสารและงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข้
อง
::
๑๐
ทางการ ไม่
จาเป็
นต้
องอาศั
ยการปฏิ
สั
มพั
นธ์
กั
บผู้
อื่
นเพื่
อถ่
ายทอดความรู้
เช่
น นโยบายขององค์
กร
กระบวนการทางาน ซอฟต์
แวร์
เอกสาร และกลยุ
ทธ์
เป้
าหมายและความสามารถขององค์
กร
๒.
ความรู้
แฝงเร้
น หรื
อความรู้
ฝั
งลึ
ก หรื
อความรู้
ที่
เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาและ
ประสบการณ์
(Tacit Knowledge)
ความรู้
แฝงเร้
น หรื
อความรู้
ฝั
งลึ
ก หรื
อความรู้
ที่
เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาและประสบการณ์
คื
อ ความรู้
ที่
ฝั
งอยู่
ในตั
วคน ไม่
ได้
ถอดออกมาเป็
นลายลั
กษณ์
อั
กษร หรื
อบางครั้
งก็
ไม่
สามารถถอดเป็
นลายลั
กษณ์
อั
กษรได้
มี
รากฐานมาจากการกระทาและประสบการณ์
มี
ลั
กษณะเป็
นความเชื่
อ ทั
กษะ และเป็
นอั
วิ
สั
ย (Subjective) ต้
องการการฝึ
กฝนเพื่
อให้
เกิ
ดความชานาญ มี
ลั
กษณะเป็
นเรื่
องส่
วนบุ
คคล มี
บริ
บท
เฉพาะ (Context-specific) ความรู้
ที่
ฝั
งลึ
กอยู่
ในตั
วของคน (Embedded Knowledge) หรื
อที่
เรี
ยกว่
าความรู้
ที่
จั
บต้
องไม่
ได้
(Intangible) ซึ่
งการเข้
าถึ
งสิ่
งที่
เป็
นสั
ญลั
กษณ์
ต่
างๆ ผ่
านตั
วบุ
คคลต้
องใช้
ความพยายามเป็
นพิ
เศษจึ
งจะบรรลุ
ผลให้
เกิ
ดความสาเร็
จได้
ซึ่
งมี
หลายองค์
กรจั
ดการกั
บความรู้
แบบฝั
ลึ
ก (Tacit Knowledge) อย่
างง่
ายๆ โดยผ่
านการประชุ
ม ใช้
การพู
ดคุ
ยและเล่
าเรื่
องเป็
นฐาน
(Storytelling and Community-based Forums) ซึ่
งการประชุ
ม (Forums) นี้
จะเป็
นการพู
ดคุ
ยทาง
อิ
เลคทรอนิ
กส์
(Electronic Discussions) หรื
อการส่
งข้
อความผ่
านเว็
บไซต์
(Posting on an
organizational Website) เป็
นส่
วนใหญ่
และการถ่
ายทอดไปยั
งที
มงาน ด้
านวั
ฒนธรรม ด้
านศาสนา
ด้
านประเพณี
ดั้
งเดิ
มขององค์
กร ดั
งนั้
นความรู้
ฝั
งลึ
กจึ
งเรี
ยกอี
กอย่
างหนึ่
งว่
า Personal Knowledge ซึ่
จะเป็
นหั
วใจของกระบวนการจั
ดการความรู้
ดั
งนั้
นหนึ่
งในประเภทของความรู้
ฝั
งลึ
ก บางครั้
งจึ
งเรี
ยกว่
Procedural Knowledge คื
อ ตั
วที่
ใช้
ขั
บเคลื่
อนในการเรี
ยนรู้
จากทั
กษะหรื
อประสบการณ์
หรื
อกล่
าว
ได้
ว่
า ความรู้
จากแนวทางการดาเนิ
นการปฏิ
บั
ติ
ทาให้
เป็
นทางการและสื่
อสารยาก เช่
น วิ
จารณญาณ
ความลั
บทางการค้
า วั
ฒนธรรมองค์
กร ทั
กษะ ความเชี่
ยวชาญในเรื่
องต่
างๆ การเรี
ยนรู้
ขององค์
กร
ความสามารถในการชิ
มรสไวน์
หรื
อกระทั่
งทั
กษะในการสั
งเกตเปลวควั
นจากปล่
องโรงงานว่
ามี
ปั
ญหา
ในกระบวนการผลิ
ตหรื
อไม่
เป็
นต้
แนวคิ
ดของความรู้
แฝงเร้
น หรื
อความรู้
ฝั
งลึ
ก หรื
อความรู้
ที่
เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาและประสบการณ์
มาจากงานของนั
กปรั
ชญา ชื่
อโพลั
นยี
(Polanyi, ๑๙๙๖) ซึ่
งเป็
นผู้
เขี
ยนเรื่
อง “The Tacit
Dimension in ๑๙๖๖” และ “Personal Knowledge” ในปี
๑๙๗๓ โดยสรุ
ปเนื้
อหาไว้
ในหนั
งสื
กล่
าว ว่
าความรู้
แบบฝั
งลึ
กมี
ความแตกต่
างจากความรู้
แบบชั
ดแจ้
ง แนวคิ
ดของเขามี
วลี
ที่
ทุ
กคนรู้
จั
กคื
“เรารู้
มากกว่
าที่
เราสามารถบอกได้
” ซึ
งหมายถึ
ง การจะบอกให้
คนอื่
นรู้
หรื
อการแบ่
งปั
นความรู้
ที่
ฝั
งลึ
ในคนและฝั
งลึ
กในสั
งคมเป็
นเรื่
องยากที่
จะสื่
อสารให้
คนอื่
นทราบได้
สิ่
งนี้
เองรวมหรื
อเชื่
อมโยงไปถึ
งการ
รู้
สึ
กล่
วงหน้
า (Hunches) การหยั่
งรู้
(Insight) ปั
ญญาญาณ (Intuitions) ความรู้
สึ
ก (Feeling) ภาพ
จิ
นตนาการ (Imagery) และอารมณ์
(Emotion)
ทั้
งนี้
ความรู้
ที่
สาคั
ญส่
วนใหญ่
มี
ลั
กษณะเป็
นความรู้
แฝงเร้
นหรื
อความรู้
ฝั
งลึ
ก โดยอยู่
ใน
คนทางานและผู้
เชี่
ยวชาญในแต่
ละเรื่
อง จึ
งต้
องอาศั
ยกลไกแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู้
ให้
คนได้
พบกั
น สร้
าง
1...,8,9,10,11,12,13,14,15,16,17 19,20,21,22,23,24,25,26,27,28,...216
Powered by FlippingBook