sp104 - page 22

บทที่
๒ เอกสารและงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข้
อง
::
๑๔
เครื
อข่
าย ระบบสนั
บสนุ
นทางด้
าน IT และซอฟต์
แวร์
ทางด้
านการประสานงานกั
น (Collaboration)
(บดิ
นทร์
วิ
จารณ์
, ๒๕๕๐)
การจั
ดการความรู้
ในสามยุ
คค่
อยๆ วิ
วั
ฒนาการมาจากองค์
กรทางธุ
รกิ
จจนมาสู่
องค์
กรทาง
การศึ
กษา ซึ่
งได้
นามาใช้
ในประเทศไทย โดยเฉพาะในยุ
คแห่
งการปฏิ
รู
ปการศึ
กษา
(กระทรวงศึ
กษาธิ
การ, ๒๕๔๘) ในการบริ
หารจั
ดการสมั
ยใหม่
โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งในยุ
คแห่
งสั
งคมที่
ใช้
ความรู้
เป็
นฐาน (Knowledge-based society) มองความรู้
ว่
าเป็
นทุ
นปั
ญญา หรื
อทุ
นความรู้
สาหรั
บใช้
สร้
างคุ
ณค่
าและมู
ลค่
า (Value) ให้
เพิ่
มขึ้
น กล่
าวได้
ว่
า การจั
ดการความรู้
เป็
นกระบวนการที่
ใช้
ทุ
ปั
ญญา นาไปสร้
างคุ
ณค่
าและมู
ลค่
าซึ่
งอาจเป็
นมู
ลค่
าทางธุ
รกิ
จหรื
อคุ
ณค่
าทางสั
งคมก็
ได้
สาหรั
บการวิ
จั
ยครั้
งนี้
ใช้
กรอบแนวคิ
ดในการรวบรวมและทบทวนองค์
ความรู้
ที่
มี
อยู่
ประเภทคื
อ “ความรู้
ชั
ดแจ้
งหรื
อความรู้
ที่
เป็
นวิ
ทยาการ” (Explicit Knowledge) ซึ่
งเป็
นความรู้
ที่
เปิ
ดเผยเก็
บรวบรวมไว้
ในหนั
งสื
อ งานวิ
จั
ยและเอกสารต่
างๆ กั
บ “ความรู้
แฝงเร้
นหรื
อความรู้
ฝั
งลึ
กหรื
ความรู้
ที่
เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาและประสบการณ์
” (Tacit Knowledge) ซึ่
งเป็
นความรู้
ที่
อยู่
ในตั
วบุ
คคล อั
เกิ
ดจากการสั่
งสมประสบการณ์
การเรี
ยนรู้
ต่
างๆ ของแต่
ละบุ
คคล ทั้
งนี้
คณะวิ
จั
ยดาเนิ
นการโดยการ
สั
มภาษณ์
ระดั
บลึ
กบุ
คคลผู้
ที่
เป็
นผู้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
มี
ชื่
อเสี
ยงระดั
บประเทศที่
ทางานวิ
ชาการและงานที่
เกี่
ยวข้
องกั
บค่
านิ
ยมไทย
๒.
แนวคิ
ค่
านิ
ยม
ของ Milton Rokeach
แนวคิ
ดเกี่
ยวกั
บค่
านิ
ยมที่
เป็
นที่
รู้
จั
กกั
นอย่
างกว้
างขวางและมี
การนามาใช้
อย่
างแพร่
หลาย โดย
เป็
นกรอบแนวคิ
ดด้
านค่
านิ
ยมที่
ดี
และสมบู
รณ์
แบบมากที่
สุ
ดเป็
นแนวคิ
ดของนั
กจิ
ตวิ
ทยาสั
งคมชาว
อเมริ
กั
น ชื่
อ Milton Rokeach นอกจากเป็
นนั
กคิ
ดคนสาคั
ญด้
านค่
านิ
ยมแล้
ว Rokeach ได้
สร้
าง
เครื่
องมื
อในการวั
ดค่
านิ
ยม ชื่
อว่
า The Rokeach Value Survey (RVS) เพื่
อใช้
ในการศึ
กษาค่
านิ
ยม
ทางวั
ฒนธรรมในระดั
บปั
จเจกบุ
คคล โดยในประเทศไทยมี
การนามาใช้
ครั้
งแรกในงานศึ
กษาของสุ
นทรี
ย์
โคมิ
น และสนิ
ท สมั
ครการ
ตามความคิ
ดเห็
นของ Rokeach ค่
านิ
ยม (Value) เป็
นความเชื่
อที่
มี
ลั
กษณะค่
อนข้
างถาวร
รวมถึ
งการมี
ความเชื่
อว่
าวิ
ถี
ปฏิ
บั
ติ
บางอย่
างหรื
อเป้
าหมายบางอย่
างนั้
น เป็
นสิ่
งที่
ตั
วเองหรื
อสั
งคม
เห็
นสมควรที่
จะยึ
ดถื
อหรื
อปฏิ
บั
ติ
ค่
านิ
ยมจึ
งเป็
นสิ่
งที่
บุ
คคลนั้
นได้
ให้
ความสาคั
ญกั
บสิ่
งใดสิ่
งหนึ่
ง และสิ่
นั้
นมี
คุ
ณค่
าพร้
อมที่
จะปฏิ
บั
ติ
ตามความเชื่
อนั้
ค่
านิ
ยมของแต่
ละบุ
คคลขึ้
นอยู่
กั
บประสบการณ์
ที่
แต่
ละบุ
คคลได้
รั
บ ประสบการณ์
ของแต่
ละ
บุ
คคลนั้
นย่
อมมี
ความแตกต่
างกั
น ดั
งนั้
นค่
านิ
ยมที่
เรายึ
ดถื
อจึ
งแตกต่
างกั
นไป แม้
จะอยู่
ในสั
งคมเดี
ยวกั
อย่
างไรก็
ดี
ค่
านิ
ยมสามารถมี
การเลี
ยนแบบได้
เห็
นได้
จากการที่
มี
บางคนมี
ค่
านิ
ยมที่
คล้
อยตามคนอื่
โดยเฉพาะบุ
คคลที่
สาคั
ญและมี
อิ
ทธิ
พลต่
อความเชื่
อ ความศรั
ทธาของเขา นอกจากนี้
แล้
วค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะของการเปลี่
ยนแปลงไปตามวุ
ฒิ
ภาวะและประสบการณ์
ของแต่
ละบุ
คคล ในขณะที่
ระบบ
1...,12,13,14,15,16,17,18,19,20,21 23,24,25,26,27,28,29,30,31,32,...216
Powered by FlippingBook