sp104 - page 17

บทที่
๒ เอกสารและงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข้
อง
::
๑)
ความรู้
เชิ
งทฤษฏี
(Know-What) เป็
นความรู้
เชิ
งข้
อเท็
จจริ
ง รู้
อะไร เป็
นอะไร จะพบ
ในผู้
ที่
สาเร็
จการศึ
กษามาใหม่
ๆ ที่
มี
ความรู้
โดยเฉพาะความรู้
ที่
จามาได้
จากความรู้
ชั
แจ้
งซึ่
งได้
จากการได้
เรี
ยนมาก แต่
เวลาทางาน ก็
จะไม่
มั่
นใจ มั
กจะปรึ
กษารุ่
นพี่
ก่
อน
๒)
ความรู้
เชิ
งทฤษฏี
และเชิ
งบริ
บท (Know-How) เป็
นความรู้
เชื่
อมโยงกั
บโลกของความ
เป็
นจริ
ง ภายใต้
สภาพความเป็
นจริ
งที่
ซั
บซ้
อนสามารถนาเอาความรู้
ชั
ดแจ้
งที่
ได้
มา
ประยุ
กต์
ใช้
ตามบริ
บทของตนเองได้
มั
กพบในคนที่
ทางานไปหลายๆ ปี
จนเกิ
ดความรู้
ฝั
งลึ
กที่
เป็
นทั
กษะหรื
อประสบการณ์
มากขึ้
๓)
ความรู้
ในระดั
บที่
อธิ
บายเหตุ
ผล (Know-Why) เป็
นความรู้
เชิ
งเหตุ
ผลระหว่
าง
เรื่
องราวหรื
อเหตุ
การณ์
ต่
างๆ ผลของประสบการณ์
แก้
ปั
ญหาที่
ซั
บซ้
อน และนา
ประสบการณ์
มาแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู้
กั
บผู้
อื่
น เป็
นผู้
ทางานมาระยะหนึ่
งแล้
วเกิ
ดความรู้
ฝั
งลึ
ก สามารถอดความรู้
ฝั
งลึ
กของตนเองมาแลกเปลี่
ยนกั
บผู้
อื่
นหรื
อถ่
ายทอดให้
ผู้
อื่
ได้
พร้
อมทั้
งรั
บเอาความรู้
จากผู้
อื่
นไปปรั
บใช้
ในบริ
บทของตนเองได้
๔)
ความรู้
ในระดั
บคุ
ณค่
า ความเชื่
อ (Care-Why) เป็
นความรู้
ในลั
กษณะของความคิ
ริ
เริ่
ม สร้
างสรรค์
ที่
ขั
บดั
นมาจากภายในตนเองจะเป็
นผู้
ที่
สามารถสกั
ด ประมวล
วิ
เคราะห์
ความรู้
ที่
ตนเองมี
อยู่
กั
บความรู้
ที่
ตนเองได้
รั
บมาสร้
างเป็
นองค์
ความรู้
ใหม่
ขึ้
นมาได้
เช่
น สร้
างตั
วแบบหรื
อทฤษฏี
ใหม่
หรื
อนวั
ตกรรม ขึ้
นมาใช้
ในการทางานได้
๑.๓ ประเภทของความรู้
และองค์
ความรู้
นั
กวิ
ชาการหลายท่
านได้
กล่
าวถึ
งประเภทของความรู้
ว่
ามี
๒ ประเภทใหญ่
ๆ คื
อ ความรู้
ชั
ดแจ้
หรื
อความรู้
ที่
เป็
นวิ
ทยาการ (Explicit Knowledge) และความรู้
แฝงเร้
น หรื
อความรู้
ฝั
งลึ
ก หรื
อความรู้
ที่
เป็
นภู
มิ
ปั
ญญาและประสบการณ์
(Tacit Knowledge) (วรภั
ทร์
ภู่
เจริ
ญ, ๒๕๔๗; วิ
จารณ์
พานิ
ช,
๒๕๔๘; สานั
กงานคณะกรรมการการศึ
กษาขั้
นพื้
นฐาน, ๒๕๔๙; Sallis and Jones, ๒๐๐๒)
๑.
ความรู้
ชั
ดแจ้
ง (Explicit Knowledge)
ความรู้
ชั
ดแจ้
ง หรื
อความรู้
ที่
เป็
นวิ
ทยาการ คื
อ ความรู้
ที่
เขี
ยนอธิ
บายหรื
อถู
กบั
นทึ
กไว้
เป็
ตั
วอั
กษร เป็
นความรู้
ที่
จั
บต้
องได้
เป็
นหลั
กวิ
ชา หลั
กการทฤษฎี
ได้
มาจากการศึ
กษาค้
นคว้
า เรี
ยกอี
อย่
างหนึ่
งว่
า Critical Knowledge หรื
อ Codified หรื
อ Declarative Knowledge โดยเป็
นการ
อธิ
บายความรู้
อย่
างเป็
นทางการ (Formal Knowledge) ยกตั
วอย่
างความรู้
แบบชั
ดแจ้
ง ได้
แก่
เอกสาร
หนั
งสื
อ ตารา สิ่
งพิ
มพ์
ฐานข้
อมู
ล ไปรษณี
ย์
อิ
เลคทรอนิ
ค เว็
บไซต์
บทเรี
ยน E-learning จดหมายข่
าว
คู่
มื
อ แนวทางการดาเนิ
นการ (Procedure Manuals) สมการทางคณิ
ตศาสตร์
(Mathematical
Equations ) สิ
ทธิ
บั
ตร (Patent) และรายงานเชิ
งเทคนิ
ค (Technical Reports) เป็
นต้
ทั้
งนี้
ความรู้
ชั
ดแจ้
งเป็
นความรู้
ที่
รวบรวมได้
ง่
าย จั
ดระบบและถ่
ายโอนโดยใช้
วิ
ธี
การดิ
จิ
ทั
ล มี
ลั
กษณะเป็
นวั
ตถุ
ดิ
บ (Objective) เป็
นทฤษฏี
สามารถแปลงเป็
นรหั
สในการถ่
ายทอดโดยวิ
ธี
การที่
เป็
1...,7,8,9,10,11,12,13,14,15,16 18,19,20,21,22,23,24,25,26,27,...216
Powered by FlippingBook