sp104 - page 23

บทที่
๒ เอกสารและงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข้
อง
::
๑๕
ค่
านิ
ยม (Value System) คื
อ การรวมกั
นของความเชื่
อที่
เกี่
ยวกั
บวิ
ถี
ทางในการประพฤติ
ปฏิ
บั
ติ
หรื
จุ
ดหมายปลายของชี
วิ
ตให้
เข้
าเป็
นระบบความเชื่
อที่
มี
ลั
กษณะคงทนถาวร ลดหลั่
นกั
นไปตามลาดั
ความสาคั
ญ (Rokeach, ๑๙๗๓)
ในด้
านธรรมชาติ
ของค่
านิ
ยม Rokeach (๑๙๗๙) มี
การสรุ
ปลั
กษณะธรรมชาติ
ของค่
านิ
ยมไว้
ประการ ดั
งต่
อไปนี้
คื
๑.
ค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะยื
นยงถาวร (Completely Stable)
โดยส่
วนใหญ่
ค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะคงที่
และไม่
มี
การเปลี่
ยนแปลง ทาให้
มี
ความต่
อเนื่
องของ
วั
ฒนธรรม สั
งคมหรื
อบุ
คลิ
กภาพของกลุ่
มคนในสั
งคม และทาให้
คนกลุ่
มหนึ่
งแตกต่
างไปจากกลุ่
มคนใน
อี
กสั
งคมหนึ่
ง จนในที่
สุ
ดเกิ
ดลั
กษณะประจากลุ่
มหรื
อประจาชาติ
เกิ
ดขึ้
น สาเหตุ
ที่
ค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะยื
ยงเพราะตามกระบวนการเรี
ยนรู้
ของมนุ
ษย์
นั้
น มนุ
ษย์
ได้
ถู
กสอนมาแต่
เด็
กเกี่
ยวกั
บค่
านิ
ยมต่
างๆ ในรู
ของความแน่
นอนอย่
างเต็
มที่
(Absolute, All-or-None Manner) เช่
น ความซื่
อสั
ตย์
ความมี
น้
าใจ
ดั
งนั้
นกระบวนการเรี
ยนรู้
มาเป็
นเวลานาน จะช่
วยตอกย้
าให้
ค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะคงทนถาวร ค่
านิ
ยม
สามารถเปลี่
ยนแปลงได้
ประสบการณ์
ในช่
วงชี
วิ
ตของคนที่
ผ่
านมา ไม่
ใช่
การเกิ
ดขึ้
นตามอารมณ์
ขึ้
นลง
ของมนุ
ษย์
ในลั
กษณะชั่
วครู่
ชั่
วยาม
๒.
ค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะเปรี
ยบเที
ยบระดั
บความสาคั
ญ (Relative Conception)
เมื่
อเด็
กโตขึ้
นและมี
ประสบการณ์
การเรี
ยนรู้
ทางสั
งคม (Socialization) มากขึ้
น เขาจะเรี
ยนรู้
ว่
าสถานการณ์
ที่
เขาประสบไม่
ได้
มี
เฉพาะค่
านิ
ยมที่
พ่
อแม่
ได้
สั่
งสอนไว้
แต่
ยั
งมี
ค่
านิ
ยมอื่
นๆ อี
กที่
ปรากฏ
อยู่
และกลุ่
มอื่
นๆ ในสั
งคมให้
ความสาคั
ญแก่
ค่
านิ
ยมบางอย่
างมากกว่
า ซึ่
งเด็
กจะเรี
ยนรู้
สิ่
งเหล่
านี้
ผ่
าน
การสั่
งสอนประกอบกั
บการสั
งเกตจากการกระทาที่
เป็
นบรรทั
ดฐาน (Norm) ของคนในสั
งคมนั้
นๆ และ
เมื่
อเขามี
ประสบกั
บคาว่
าค่
านิ
ยมที่
ไม่
สอดคล้
องกั
น เขาก็
จะจั
ดลาดั
บค่
านิ
ยมโดยอย่
างไรตามจะไม่
แตกต่
างจากคนในกลุ่
มมากนั
๓.
ค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะเป็
นความเชื่
ความเชื่
อนั้
นแบ่
งได้
เป็
น ๓ ประเภท คื
อ ประเภทแรกเป็
นความเชื่
อแบบพรรณนาสถานการณ์
(Descriptive or Existential Beliefs) ซึ่
งเป็
นความเชื่
อที่
ถู
กทดสอบได้
จริ
ง หรื
อ เท็
จ เช่
น ฉั
นเชื่
อว่
ข้
างนอกฝนกาลั
งตก ประเภทที่
สอง คื
อ ความเชื่
อแบบประเมิ
นสถานการณ์
(Evaluative Beliefs) ซึ่
เป็
นความเชื่
อที่
ประเมิ
นสถานการณ์
ต่
างๆ ว่
าดี
หรื
อไม่
ดี
เช่
น ฉั
นเชื่
อว่
าการออกกาลั
งกายเป็
นประโยชน์
ต่
อสุ
ขภาพ ประเภทที่
สาม เป็
นความเชื่
อแบบพรรณนากาหนด (Descriptive or Perspective) เป็
ความเชื่
อที่
บ่
งบอกถึ
งวิ
ถี
ทางปฏิ
บั
ติ
(Means of Action) หรื
อจุ
ดหมายปลายทาง (End of Action)
อั
นเป็
นที่
ปรารถนาด้
วยและเป็
นความเชื่
อที่
มี
ทิ
ศทางและเป้
าหมายของการกระทามากกว่
าเชื่
ออี
ก ๒
ชนิ
ดแรก
นอกจากนี้
แล้
วตามความเห็
นของ Rokeach ค่
านิ
ยมมี
องค์
ประกอบสาคั
ญอี
ก ๓ ประการ ดั
งนี้
คื
อ (Rokeach, ๑๙๗๓)
1...,13,14,15,16,17,18,19,20,21,22 24,25,26,27,28,29,30,31,32,33,...216
Powered by FlippingBook