sp104 - page 11

บทที่
๑ บทนำ :: ๓
กระแสโลกำภิ
วั
ตน์
จึ
งกลำยเป็
นปั
จจั
ยสำคั
ญที่
กำหนดกำรเปลี่
ยนแปลงค่
ำนิ
ยมของสั
งคมไทย
ซึ่
งมี
ลั
กษณะเน้
นวั
ตถุ
ตำมรู
ปแบบของทุ
นนิ
ยมมำกกว่
ำกำรพั
ฒนำจิ
ตใจ (อมรำ พงศำพิ
ชญ์
, ๒๕๔๑:
๙๘) ประกอบกั
บสถำบั
นหลั
กของสั
งคมไม่
สำมำรถทำหน้
ำที่
ได้
อย่
ำงเต็
มที่
โดยเฉพำะสถำบั
นครอบครั
ซึ่
งเป็
นสถำบั
นขั้
นพื้
นฐำนที่
มี
บทบำทสำคั
ญต่
อกำรปลู
กฝั
งค่
ำนิ
ยมที่
พึ
งประสงค์
ให้
กั
บเด็
กและเยำวชน
เพรำะกำรพั
ฒนำที่
มุ่
งเน้
นทำงด้
ำนเศรษฐกิ
จมำกเกิ
นไปทำให้
สถำบั
นครอบครั
วและชุ
มชนขำดควำม
เข้
มแข็
ง ควำมสั
มพั
นธ์
ระหว่
ำงสมำชิ
กในครอบครั
วถู
กละเลย ขำดควำมเข้
ำใจในบทบำทและหน้
ำที่
ของ
ตนเอง นอกจำกนี้
กระบวนกำรจั
ดกำรศึ
กษำที่
มุ่
งเน้
นทั
กษะและควำมรู้
ที่
เป็
นสำกล ทำให้
กำรเรี
ยนรู้
ภู
มิ
ปั
ญญำไทยถู
กละเลย และขำดกำรเรี
ยนรู้
และกำรถ่
ำยทอดค่
ำนิ
ยมทำงวั
ฒนธรรมที่
ดี
อั
นเป็
นรำกฐำน
ของกำรพั
ฒนำ (เสำวภำ ไพทยวั
ฒน์
, ๒๕๓๘: ๒๔๔) สิ
งเหล่
ำนี
ล้
วนนำไปสู
ปั
ญหำสั
งคมนำนั
ปกำร
ได้
แก่
ปั
ญหำควำมขั
ดแย้
ง ปั
ญหำกำรบริ
โภคนิ
ยม ปั
ญหำควำมยำกจน ปั
ญหำอำชญำกรรม ปั
ญหำ
กำรพนั
น ปั
ญหำยำเสพติ
ด และกำรเกิ
ดพฤติ
กรรมที่
ไม่
เหมำะสม เป็
นต้
น (สำนั
กงำนคณะกรรมกำร
พั
ฒนำกำรเศรษฐกิ
จและสั
งคมแห่
งชำติ
, ๒๕๕๕: ออนไลน์
) ซึ่
งจำกกำรสำรวจภำวะสั
งคม ในปี
พ.ศ.
๒๕๕๖ ของไตรมำสแรกพบว่
ำ คดี
อำญำที่
เกิ
ดจำกปั
ญหำยำเสพติ
ดมี
อั
ตรำกำรเพิ่
มสู
งสุ
ดในรอบ ๘ ปี
นอกจำกนี้
ยั
งพบว่
ำเด็
กและเยำวชนสำมำรถเข้
ำถึ
งกำรพนั
นออนไลน์
ได้
ง่
ำยขึ
นขณะที
กำรควบคุ
มก็
ทำได้
ยำกขึ
น และครอบครั
วที
มี
รำยได้
น้
อยมี
สั
ดส่
วนใช้
จ่
ำยฟุ
มเฟื
อยมำกขึ
นและเสี
ยงต่
อกำรเป็
หนี้
เพิ่
มขึ้
นอี
กด้
วย (สำนั
กงำนคณะกรรมกำรพั
ฒนำกำรเศรษฐกิ
จและสั
งคมแห่
งชำติ
, ๒๕๕๖: ๘-๑๑)
ปรำกฏกำรณ์
ของปั
ญหำสั
งคมดั
งกล่
ำวจึ
งถื
อว่
ำเป็
นผลมำจำกค่
ำนิ
ยมที่
ไม่
พึ
งประสงค์
ดั
งนั้
นแนวทำงแก้
ไข
ปั
ญหำที่
สำคั
ญคื
อกำรเสริ
มสร้
ำงค่
ำนิ
ยมที่
พึ
งประสงค์
ให้
กั
บประชำกรอย่
ำงทั่
วถึ
ง เพื่
อให้
เกิ
ดกำรยอมรั
เป็
นวิ
ถี
ปฏิ
บั
ติ
ได้
อย่
ำงเหมำะสมและยอมรั
บควำมหลำกหลำยทำงวั
ฒนธรรม เพื
อให้
กำรดำรงอยู่
ร่
วมกั
นในสั
งคมอย่
ำงสั
นติ
สุ
ข เพรำะกำรที่
บุ
คคลจะตระหนั
กถึ
งคุ
ณค่
ำของกำรประพฤติ
ปฏิ
บั
ติ
ใดๆ
ย่
อมขึ้
นอยู่
กั
บค่
ำนิ
ยมที่
บุ
คคลนั้
นได้
ยึ
ดถื
อ (สำนั
กงำนคณะกรรมกำรวั
ฒนธรรมแห่
งชำติ
, ๒๕๕๑: ๑-๒)
ด้
วยเหตุ
นี้
จึ
งจำเป็
นอย่
ำงยิ่
งที่
สั
งคมจะต้
องเร่
งสร้
ำงค่
ำนิ
ยมที่
พึ
งประสงค์
ให้
เป็
นค่
ำนิ
ยมที่
นำไปสู่
กำร
เปลี่
ยนแปลงที่
พึ
งปรำรถนำมำกที่
สุ
ดเพื่
อสำมำรถแก้
ไขปั
ญหำสั
งคมได้
อย่
ำงยั่
งยื
กำรปลู
กฝั
งและกำรเสริ
มสร้
ำงค่
ำนิ
ยมถื
อเป็
นเรื่
องที่
ละเอี
ยดอ่
อนและซั
บซ้
อน เพรำะเป็
เรื่
องที่
สั
มพั
นธ์
กั
บทั
ศนคติ
ควำมรู้
สึ
กนึ
กคิ
ด ควำมต้
องกำร ควำมชอบ ควำมเข้
ำใจ และกำรเห็
นคุ
ณค่
ำ ซึ่
เกิ
ดขึ้
นภำยในจิ
ตใจของแต่
ละบุ
คคล และกลำยเป็
นค่
ำนิ
ยมอั
นนำไปสู่
กำรเกิ
ดเจตคติ
และกำรแสดงออก
ในทำงกำรปฏิ
บั
ติ
ฉะนั้
นกำรปลู
กฝั
งและเสริ
มสร้
ำงค่
ำนิ
ยมจึ
งจำเป็
นต้
องมุ่
งพั
ฒนำทำงด้
ำนจิ
ตใจเป็
สำคั
ญ โดยกำรส่
งเสริ
มสถำบั
นทำงสั
งคมขั
นพื
นฐำนให้
ทำหน้
ำที
ได้
อย่
ำงเข้
มแข็
ง ดั
งเช่
น สถำบั
ครอบครั
ว ซึ่
งเป็
นสถำบั
นที่
เล็
กที่
สุ
ดในสั
งคมแต่
มี
ควำมสำคั
ญมำกในกำรอบรมสั่
งสอนและปลู
กฝั
ค่
ำนิ
ยมที่
ดี
ให้
เด็
กและเยำวชน โดยกำรสร้
ำงควำมเข้
ำใจถึ
งแก่
นแท้
ของวั
ฒนธรรมและค่
ำนิ
ยมที่
ดี
เพื่
อให้
สำมำรถปรั
บตั
วและมี
พฤติ
กรรมสอดคล้
องกั
บควำมต้
องกำรของสั
งคม และพ่
อแม่
หรื
อผู้
อบรม
เลี้
ยงดู
จะต้
องเป็
นแบบอย่
ำงที่
ดี
ด้
วย ส่
วนสถำบั
นกำรศึ
กษำนั
บเป็
นแหล่
งกำรศึ
กษำที่
ให้
กำรอบรมสั่
งสอน
ให้
ควำมรู้
ให้
คิ
ดเป็
น ทำเป็
น จึ
งจำเป็
นอย่
ำงยิ่
งที่
หลั
กสู
ตรกำรจั
ดกระบวนกำรเรี
ยนกำรสอนต้
องเน้
1...,2,3,4,5,6,7,8,9,10 12,13,14,15,16,17,18,19,20,21,...216
Powered by FlippingBook