๒๓
๒. ทฤษฎี
วิ
วั
ฒนาการ (Evolutionism Theory)
เป
นแนวคิ
ดแบบนิ
เวศวิ
ทยาวั
ฒนธรรม สจ
วต (Steward อ
างถึ
งใน ยศ สั
นตสมบั
ติ
. ๒๕๔๐ : ๓๔) มี
แนวคิ
ดว
า สั
งคมต
องมี
การเปลี่
ยนแปลงตลอดเวลา การเปลี่
ยนแปลงเป
นกระบวนการวิ
วั
ฒนาการทางสั
งคม
วั
ฒนธรรมคื
อเครื่
องมื
อที่
ช
วยให
มนุ
ษย
ปรั
บตั
วให
เข
ากั
บสภาพแวดล
อมได
ดั
งนั้
นความสั
มพั
นธ
ระหว
างวั
ฒนธรรม
กั
บสภาพแวดล
อมจึ
งมี
ความแนบแน
นใกล
ชิ
ดและส
งผลกระทบซึ่
งกั
นและกั
นทฤษฎี
วิ
วั
ฒนาการนี้
หากจะนํ
ามา
ศึ
กษาเกี่
ยวกั
บวิ
วั
ฒนาการของการแห
พระแข
งเรื
อยาว อาจกล
าวได
ว
าการแห
พระแข
งเรื
อยาวเป
น
ศิ
ลปวั
ฒนธรรมชนิ
ดหนึ่
งที่
มี
วิ
วั
ฒนาการมายาวนาน ซึ่
งการเกิ
ดวิ
วั
ฒนาการดั
งกล
าวนั้
นเกิ
ดขึ้
นจากระบบของวิ
ถี
ชี
วิ
ตโดยแท
การปรั
บเปลี่
ยนในพลวั
ต (Dynamic) เกิ
ดขึ้
นในมิ
ติ
ของสั
งคม โดยสั
งคมเป
นตั
วกํ
าหนดในการ
ปรั
บเปลี่
ยนทั้
งนี้
อาจตั้
งอยู
บนความหลากหลายทางชี
วภาพ ความหลากหลายทางพั
นธุ
กรรม ความหลากหลาย
ทางชนิ
ดพั
นธุ
ความแตกต
างทางเชื้
อชาติ
และวิ
ถี
ชี
วิ
ตที่
เปลี่
ยนไป เป
นต
น ดั
งนั้
นป
จจั
ยต
างๆ เหล
านี้
เป
นป
จจั
ยที่
มี
ผลต
อพลวั
ต หรื
อวิ
วั
ฒนาการทั้
งสิ้
น เพราะสั
งคมจะเป
นตั
วกลั่
นกรองแนวคิ
ดที่
เกิ
ดขึ้
นจากชุ
มชน เมื่
อแนวคิ
ด
ต
างๆ ได
ตกผลึ
ก และเป
นที่
ยอมรั
บเมื่
อนั้
นก็
ถื
อว
าเป
นมติ
ของชุ
มชน ดั
งนั้
นวิ
วั
ฒนาการของการแห
พระแข
งเรื
อ
ยาวจะเกี่
ยวข
องกั
บป
จจั
ยต
างๆ ข
างต
นเช
นกั
น แต
ป
จจั
ยที่
ทํ
าให
การแห
พระแข
งเรื
อยาวเกิ
ดพลวั
ตอย
างชั
ดเจนก็
คื
อระบบสั
งคมที่
เปลี่
ยนไปจากสั
งคมเกษตรกรรมเป
นสั
งคมกึ่
งอุ
ตสาหกรรม ซึ่
งเป
นการทํ
าให
ขนบธรรมเนี
ยม
ของวิ
ถี
ชี
วิ
ตที่
ดํ
าเนิ
นอยู
ดั้
งเดิ
มกลายสภาพเป
นระบบทุ
นนิ
ยม วิ
ถี
สั
งคมที่
พึ่
งพาซึ่
งกั
นและกั
นเริ่
มสู
ญหาย การ
เชื่
อมต
อตลอดจนการเกิ
ดความต
อเนื่
องของงานศิ
ลปวั
ฒนธรรมที่
เกิ
ดขึ้
นจากวิ
ถี
ชุ
มชนโดยแท
ก็
ขาดหายไป ทั้
งนี้
เกิ
ดจากระบบโครงสร
างของสั
งคมที่
เปลี่
ยนไป ทั้
งนี้
ยั
งคงมี
ป
จจั
ยอื่
นๆ อี
กมากมายแต
ที่
นํ
าเสนอป
จจั
ยดั
งกล
าว
เพราะเป
นป
จจั
ยที่
คนในชาติ
ได
สั
มผั
ส และถื
อว
าเป
นระบบโครงสร
างที่
ใหญ
ซึ่
งทุ
กคนต
องให
ความตระหนั
กและ
หั
นหน
ามาร
วมกั
นพิ
จารณา
๓. ทฤษฎี
การแพร
กระจายทางวั
ฒนธรรม (Cultural Diffusion Theory)
ทฤษฎี
การแพร
กระจายทางวั
ฒนธรรมแพร
หลายมากในสหรั
ฐอเมริ
กา โดย ฟรานส
โบแอส (Franz
Boas อ
างถึ
งใน อมรา พงศาพิ
ชญ
. ๒๕๔๒ : ๑๑๙-๑๒๐) ให
ความสนใจทางด
านนี้
เดิ
มมี
อยู
ในวิ
ชาภู
มิ
ศาสตร
ใน
ด
านการศึ
กษาท
องถิ่
นหรื
อลั
กษณะของถิ่
นต
างๆ โบแอสมี
แนวคิ
ดว
า กลุ
มชนที่
มี
วั
ฒนธรรมคล
ายกั
น จะเป
นกลุ
ม
ชนที่
มี
ความสนิ
ทสนมและมี
ความสั
มพั
นธ
กั
นมาก
อน วั
ฒนธรรมหรื
อระบบสั
ญลั
กษณ
แพร
กระจายออกไป เพราะ
คนย
ายถิ่
นและนํ
าเอาวั
ฒนธรรมเก
าติ
ดตั
วไปด
วยหรื
อเพราะคนจากถิ่
นอื่
นมาติ
ดใจวั
ฒนธรรมของคนกลุ
มนี้
และ
ขอยื
มวั
ฒนธรรมไปใช
เขาไม
เชื่
อว
าคน๒ กลุ
มที่
อยู
ห
างไกลกั
น ต
างคนต
างค
นคิ
ดวั
ฒนธรรมที่
คล
ายคลึ
งเหล
านี้
ขึ้
นมาเอง โบแอส เชื่
อว
าสั
งคมและวั
ฒนธรรมของคนอาจมี
จุ
ดเริ่
มต
นที่
เป
นอิ
สระ และไม
เกี่
ยวกั
น การที่
สั
งคม
หลายๆ สั
งคมมี
วั
ฒนธรรมเหมื
อนกั
นเพราะการแพร
กระจายของวั
ฒนธรรมจากสั
งคมหนึ่
งไปยั
งอี
กสั
งคมหนึ่
งทํ
า
ให
เกิ
ดการปะทะสั
งสรรค
ทางวั
ฒนธรรมเกิ
ดการยอมรั
บวั
ฒนธรรมของกั
นและกั
น ความหลากหลายทาง