st126 - page 9

บทที่
บทนา
๑.๑ หลั
กการและความเป็
นมา
สถานการณ์
บ้
านเมื
องในป๎
จจุ
บั
นสั
งคมไทยกาลั
งเผชิ
ญกั
บความขั
ดแย้
งในระดั
บที่
รุ
นแรง โดยเฉพาะ
ความขั
ดแย้
งในระดั
บโครงสร้
างเป็
นเรื่
องของการแย่
งชิ
งอานาจและการใช้
อานาจนอกจากนี้
ยั
งเป็
นความขั
ดแย้
จากผลประโยชน์
(Interest Conflict) ที่
มี
การแย่
งชิ
งผลประโยชน์
กั
นประกอบกั
บความขั
ดแย้
งนี้
ยั
งเกี่
ยวข้
อง
กั
บนโยบายสาธารณะที่
มี
ผู้
ที่
เกี่
ยวข้
องหรื
อมี
ส่
วนได้
ส่
วนเสี
ย (Stakeholders) เกี่
ยวข้
องกั
นเป็
นจานวนมาก ซึ่
ความขั
ดแย้
งดั
งกล่
าวที่
เกิ
ดขึ้
น อาจก่
อให้
เกิ
ดผลดี
ผลเสี
ยแตกต่
างกั
น ถ้
าความขั
ดแย้
งที่
รุ
นแรงก็
อาจก่
อให้
เกิ
ผลเสี
ยต่
อสั
งคม แต่
ถ้
าความขั
ดแย้
งไม่
รุ
นแรงก็
อาจก่
อให้
เกิ
ดการพั
ฒนาสั
งคมได้
โดยการหั
นหน้
ามาพู
ดคุ
ยเจรจา
ต่
อกั
น เพื่
อหาแนวทางในการยุ
ติ
ความขั
ดแย้
ง อั
นนาไปสู่
การพั
ฒนาสั
งคม ชุ
มชนโดยการร่
วมมื
อกั
นทุ
กภาคส่
วน
ทั้
งในภาครั
ฐและประชาชน
การร่
วมมื
อกั
นระหว่
างทุ
กภาคส่
วน จึ
งเป็
นเรื่
องสาคั
ญในการพั
ฒนาทั้
งในด้
าน สั
งคม เศรษฐกิ
จ และ
วั
ฒนธรรม ดั
งนั้
นการร่
วมมื
อจึ
งเป็
นกิ
จกรรมทางบวกที่
สามารถให้
แก่
คน ให้
แก่
งาน และให้
แก่
สั
งคม การมี
ความ
ร่
วมมื
อกั
นไม่
ว่
าจะทางานหรื
อกิ
จกรรมอะไรก็
สามารถสาเร็
จกว่
าครึ่
งแล้
ว สั
งคมใดสามารถทาให้
คนมี
ความ
ร่
วมมื
อร่
วมใจทากิ
จกรรมของสั
งคมให้
บรรลุ
เปู
าหมายได้
สั
งคมนั้
นมี
ความเข้
มแข็
งอย่
างแน่
นอน เพราะความ
เข้
มแข็
งของสั
งคมในการที่
จะทาสิ่
งใดๆ ในชุ
มชนหรื
อหมู่
บ้
าน ของตนเองให้
ประสบผลสาเร็
จได้
ก็
ต้
องอาศั
ความร่
วมมื
อ เช่
นโครงการหนึ่
งตาบลหนึ่
งผลิ
ตภั
ณฑ์
ที่
เกิ
ดขึ้
นในหมู่
บ้
านก็
มี
การร่
วมมื
อกั
นทา โดยอาจแบ่
งงาน
หน้
าที่
คนละส่
วนกั
น ซึ่
งเป็
นการกระตุ้
นให้
สมาชิ
กเข้
าใจในการทางาน เป็
นการปลุ
กเร้
าให้
ชุ
มชนร่
วมดาเนิ
นการ
ให้
ทุ
กคนมี
ส่
วนร่
วมอย่
างใกล้
ชิ
ด สิ่
งเหล่
านี้
มาจากการมี
ความร่
วมมื
อกั
นโดยทั้
งสิ้
1
แต่
อย่
างไรแล้
วการร่
วมมื
อกั
นในการทางาน ถ้
ายั
งขาดผู้
นากลุ่
มการทางานหรื
อการทากิ
จกรรมใดๆก็
มิ
อาจประสบความสาเร็
จได้
ดั
งนั้
นการมี
ผู้
นากลุ่
มจึ
งเป็
นเรื่
องสาคั
ญเมื่
อมี
การรวมกลุ่
มกั
น เพื่
อทากิ
จกรรมใด
กิ
จกรรมหนึ่
งที่
ก่
อให้
เกิ
ดประโยชน์
แก่
กลุ่
มคนส่
วนใหญ่
จะเห็
นได้
ว่
าผู้
นาจะต้
องมี
ความรู้
ในเรื่
องใดเรื่
องหนึ่
งอั
เป็
นที่
ต้
องการในการดาเนิ
นงานของกลุ่
ม และสามารถใช้
ความรู้
นั้
นช่
วยกลุ่
มบรรลุ
วั
ตถุ
ประสงค์
ในสถานการณ์
ใดสถานการณ์
หนึ่
ง และความเป็
นผู้
นานั้
นเป็
นขบวนการที่
มี
อิ
ทธิ
พลต่
อกิ
จกรรมของกลุ่
มที่
รวมตั
วกั
นขึ้
นเพื่
อนา
กลุ่
มให้
บรรลุ
วั
ตถุ
ประสงค์
และเปู
าหมายที่
วางไว้
ผู้
นาโดยส่
วนใหญ่
จะมี
บุ
คลิ
กภาพที่
โดดเด่
นมี
ความรู้
ความสามารถเป็
นพิ
เศษในกลุ่
มชนหรื
อท้
องถิ่
นนั้
นๆ เป็
นผู้
สามารถจู
งใจประชาชนให้
มี
ความคิ
ดเห็
นคล้
อยตาม
และลงมื
อทางานอย่
างหนึ่
งอย่
างใดจนนาไปสู่
จุ
ดหมายปลายทางได้
เป็
นผลสาเร็
จในที่
สุ
2
โดยทั่
วไปแล้
วผู้
นา
จะต้
องเป็
นบุ
คคลที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ที่
น่
าพึ
งปรารถนา เป็
นผู้
ที่
มี
อานาจ ได้
รั
บการยกย่
องนั
บถื
อ มี
ทรั
พย์
สิ
น หรื
ความสามารถหลายๆด้
าน คุ
ณสมบั
ติ
ดั
งกล่
าวนี้
อาจจะมี
แต่
เพี
ยงประการเดี
ยวหรื
อหลายประการรวมกั
นก็
ได้
แต่
ประการสาคั
ญที่
สุ
ดที่
ผู้
นาต้
องมี
คื
อความสามารถในการนาสมาชิ
กของกลุ่
มให้
บรรลุ
วั
ตถุ
ประสงค์
หรื
เปู
าหมายที่
ทางกลุ่
มได้
วางเอาไว้
อย่
างไรก็
ตามการที่
จะได้
มาผู้
นาชุ
มชนท้
องถิ่
นที่
มี
ความสามารถนั้
นอาจได้
มา
จากการเลื
อกตั้
ง ได้
แก่
ผู้
ใหญ่
บ้
าน กานั
น นายกอบต. นายกอบจ. ผู้
นาเหล่
านี้
คื
อผู้
นาที่
เป็
นทางการ และยั
งมี
1
สุ
ภวรรณ พั
นธุ
จั
นทร์
. (๒๕๕๔).
การร่
วมมื
อ การแข่
งขั
น และการขั
ดแย้
ง(ออนไลน์
) :
สื
บค้
นได้
จาก
[เมื่
อวั
นที่
๑๔พฤษภาคม๒๕๕๔ ]
2
จี
รพรรณกาญจนะจิ
ตรา. (๒๕๒๖).
การมี
ส่
วนร่
วมของสตรี
ในการพั
ฒนาชนบท.
[ม.ป.ท.: ม.ป.พ.]
1,2,3,4,5,6,7,8 10,11,12,13,14,15,16,17,18,19,...47
Powered by FlippingBook