๙
จากหลั
กฐานที่
กล
าวมาข
างต
น จะเห็
นว
าประเพณี
การแข
งเรื
อที่
ปรากฏเป
นหลั
กฐานนั้
น มี
มาตั้
งแต
สมั
ย
กรุ
งศรี
อยุ
ธยาเป
นราชธานี
เป
นต
นมา โดยเฉพาะช
วงน้ํ
าเหนื
อหลาก ถึ
งฤดู
กาลทอดกฐิ
นตามวั
ดวาอารามต
างๆ
นั่
นก็
หมายถึ
งประเพณี
การแข
งเรื
อได
เริ่
มต
นขึ้
นเช
นกั
นนั
บเป
นเวลาร
อยกว
าป
แล
วจากอดี
ตจนถึ
งป
จจุ
บั
นที่
มี
การ
แข
งเรื
อ
ทุ
กวั
นนี้
ประเพณี
การแข
งเรื
อจะมี
อยู
เกื
อบทุ
กภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะเรื
อที่
ใช
ในการแข
งขั
น
จะเป
นเรื
อยาวเกื
อบทั้
งหมด สนามแข
งขั
นที่
มี
ชื่
อเสี
ยงทางภาคเหนื
อ ได
แก
จั
งหวั
ดน
าน พิ
ษณุ
โลก พิ
จิ
ตร
นครสวรรค
ภาคกลาง ได
แก
ชั
ยนาท สิ
งห
บุ
รี
อ
างทอง สระบุ
รี
พระนครศรี
อยุ
ธยา กรุ
งเทพมหานคร นครปฐม
ภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ ได
แก
บุ
รี
รั
มย
อุ
บลราชธานี
ภาคตะวั
นออก ได
แก
ปราจี
นบุ
รี
ฉะเชิ
งเทรา และภาคใต
ได
แก
ชุ
มพร สุ
ราษฎร
ธานี
๒. แนวคิ
ด ทฤษฎี
ที่
เกี่
ยวกั
บการเปลี่
ยนแปลงวั
ฒนธรรม
ความต
องการของมนุ
ษย
มี
อยู
หลายระดั
บ ระดั
บแรกคื
อความต
องการขั้
นมู
ลฐานทางชี
ววิ
ทยา ความ
ต
องการในขั้
นนี้
เป
นความต
องการเช
นเดี
ยวกั
บที่
มี
อยู
ในสั
ตว
ทั่
วๆ ไป เช
น การกิ
นอาหารเพื่
อตอบสนองความหิ
ว
กระหาย ซึ่
งการกระทํ
าในขั้
นนี้
ทั้
งมนุ
ษย
และสั
ตว
จะเกิ
ดจากสั
ญชาตญาณ ความต
องการขั้
นต
อมาของมนุ
ษย
(ไม
มี
ในสั
ตว
) คื
อความต
องการซึ่
งเกิ
ดขึ้
นเมื่
อความต
องการขั้
นแรกได
รั
บการตอบสนองแล
ว ซึ่
งจะเกิ
ดขึ้
นเมื่
อ
มนุ
ษย
ได
เข
ามาอยู
รวมกั
นเป
นชมรม เป
นกลุ
ม ความต
องการในขั้
นนี้
คื
อความต
องการทางสั
งคม อั
นเป
นความ
ต
องการเพื่
อตอบสนองความสุ
ขทางกาย และจรรโลงใจ ความต
องการในขั้
นนี้
ของมนุ
ษย
นี้
เองที่
ทํ
าให
เกิ
ด
วั
ฒนธรรม ด
วยเหตุ
นี้
วั
ฒนธรรมจึ
งเป
นวิ
ถี
ชี
วิ
ตที่
มนุ
ษย
ได
พั
ฒนาและสร
างสรรค
ขึ้
น และใช
เป
นเครื่
องมื
อในการ
ดํ
าเนิ
นวิ
ถี
ชี
วิ
ตป
องกั
นและแก
ไขป
ญหา รวมทั้
งใช
ในการพั
ฒนาคุ
ณภาพชี
วิ
ต ซึ่
งเป
นศั
กยภาพและทุ
นที่
สํ
าคั
ญยิ่
ง
ของมนุ
ษย
ที่
ได
แสดงออกในรู
ปแบบและวิ
ธี
ต
างๆ ทั้
งในรู
ปแบบของวิ
ถี
ชี
วิ
ต ขนบธรรมเนี
ยม ประเพณี
ภู
มิ
ป
ญญา เครื่
องมื
อเครื่
องใช
ในการทํ
ามาหากิ
น ความเชื่
อและอื่
นๆ อี
กมาก
๑) ความหมายของคํ
าว
าวั
ฒนธรรม
คํ
าว
า วั
ฒนธรรม มาจากคํ
าว
า Culture ซึ่
งพลตรี
พระเจ
าวรวงศ
เธอ กรมหมื่
นนราธิ
ปพงศ
ประพั
นธ
ทรงบั
ญญั
ติ
ขึ้
น โดยทรงอธิ
บายว
า “คํ
าว
า วั
ฒนธรรม นี้
ได
ผู
กขึ้
นเพื่
อให
มี
ความหมายตรงกั
บคํ
าว
า Culture
หมายความว
า เพาะปลู
กให
งอกงาม เป
นการแสดงถึ
งความเจริ
ญงอกงามซึ่
งเปรี
ยบได
กั
บการเพาะปลู
กพั
นธุ
ไม
ให
งอกงาม ผลิ
ดอกออกผลเพื่
อประโยชน
แก
มนุ
ษย
ในอั
นจะใช
ให
เป
นประโยชน
แก
ตนได
ไม
ว
าในทางกาย เช
นการใช
บริ
โภคหรื
อใช
ประกอบทํ
าสิ่
งของเครื่
องใช
ที่
มนุ
ษย
จะใช
ได
หรื
อทางใจ เช
นการชมในฐานะที่
เป
นสิ่
งเจริ
ญตาเจริ
ญ
ใจ เป
นต
น และการเพาะเลี้
ยงสั
ตว
ให
เจริ
ญงอกงามก็
มี
ลั
กษณะคล
ายคลึ
งกั
น จึ
งรวมอยู
ในภาคความคิ
ดของคํ
าว
า
culture นี้
ด
วยเหมื
อนกั
น วั
ฒนะ หมายถึ
ง ความเจริ
ญงอกงามดั
งที่
กล
าวมานี้
ฉะนั้
น ภู
มิ
ธรรมแห
งความเจริ
ญ
งอกงาม ซึ่
งได
แก
Culture จึ
งได
ใช
คํ
าว
า วั
ฒนธรรม” (คณะกรรมการวั
ฒนธรรมแห
งชาติ
. ๒๕๔๗ : ๑)