st122 - page 17

11
นอกจากนี้
สุ
ธิ
วงศ
พงศ
ไพบู
ลย
และคณะ (2543: 28) ได
อธิ
บายว
า ชนเชื้
อชาติ
ชวา-
มลายู
ได
กระจายและฝ
งรกรากอยู
บริ
เวณแหลมมลายู
นั
บตั้
งแต
มะละกา ยะโฮร
เคดาห
ปตานี
และเขตเชื่
อมต
ออย
างเด
นชั
ด กลุ
มชนเหล
านี้
ต
างใช
ภาษามลายู
เป
นภาษากลางในการติ
ดต
สั
มพั
นธ
กั
น และต
างก็
มี
วั
ฒนธรรมชวาโดดเด
นอยู
ในคติ
ความเชื่
อและประเพณี
ท
องถิ่
นทั้
งยั
งโยงใย
สั
มพั
นธ
กั
นทางเครื
อญาติ
อย
างเหนี
ยวแน
น จึ
งทํ
าให
วั
ฒนธรรมชวา-มลายู
ฝ
งลึ
กในบริ
เวณนี้
ตลอด
ทั้
งรอบอ
าวป
ตตานี
จรดถึ
งเคดาห
หรื
อไทรบุ
รี
ในอี
กมิ
ติ
หนึ่
ง วั
ฒนธรรมของชวา-มลายู
ที่
ปรากฎใน
ภาคใต
จะค
อนข
างสั
มพั
นธ
ใกล
ชิ
ดกั
บวั
ฒนธรรมฮิ
นดู
มี
ทั้
งเกี่
ยวเนื่
องเชื่
อมโยงกั
นค
อนข
างชั
ดเจน
และสามารถสื
บสาวและศึ
กษาที่
มาที่
ไปได
เช
น ความเชื่
อเรื่
องเขาพระสุ
เมรุ
และยั
งปรากฏชั
ดใน
วั
ฒนธรรมดนตรี
และการแสดงพื้
นเมื
อง เช
น หนั
งตะลุ
งแบบชวา พิ
ธี
กรรมต
างๆ คติ
ความเชื่
เกี่
ยวกั
บการสร
างโลกและจั
กรวาล เป
นต
น ยั
งรวมไปถึ
งวั
ฒนธรรมการใช
กริ
ช มี
ด ความเจริ
ญด
าน
โลหวิ
ทยา ผ
าบาติ
ก การใช
ผ
าจั
สตาร
วรรณกรรมชวา และภาษาชวา-มลายู
ส
วน อั
บดุ
ลสุ
โก ดิ
นอะ ได
อธิ
บายวั
ฒนธรรมของมุ
สลิ
มชายแดนใต
นั้
นมี
ความหลากหลาย
และมี
ความเกี่
ยวข
องทั้
งเรื่
องทางโลกและทางธรรม ทั้
งหลั
กปฏิ
บั
ติ
และหลั
กศรั
ทธารวมเข
าด
วยกั
คนในพื้
นที่
สามจั
งหวั
ดมี
วั
ฒนธรรมชุ
มชนที่
เป
น "อั
ตลั
กษณ
เฉพาะ" หลั
กการและที่
มาของมุ
สลิ
ชายแดนใต
นั้
น มาจากหลั
กการของศาสนาอิ
สลามที่
นํ
าสู
การกํ
าหนดกรอบวั
ฒนธรรมหรื
อแนวทาง
ปฏิ
บั
ติ
ของกลุ
มชนที่
เรี
ยกตนเองว
า "มุ
สลิ
ม" ผู
ศรั
ทธาในศาสนาอิ
สลามนั้
น มี
ที่
มาจากหลั
กฐานที่
ถู
กระบุ
ในพระมหาคั
มภี
ร
อั
ลกุ
รอ
าน ดั
งนี้
ความว
า "โอ
มนุ
ษย
ชาติ
ทั้
งหลาย แท
จริ
งเราได
สร
างพวกเจ
ามี
เพศชายและเพศหญิ
ง และเราได
ให
พวกเจ
าแยกเป
นหมู
เหล
า เผ
าและ
ตระกู
ล เพื่
อที่
พวกเจ
าจะได
รู
จั
กกั
น แท
จริ
งผู
ที่
มี
เกี
ยรติ
ยิ่
งในหมู
พวกเจ
ณ อั
ลลอฮฺ
นั้
น คื
อ ผู
ที่
มี
ความยํ
าเกรงยิ่
งในหมู
พวกเจ
า แท
จริ
งอั
ลลอฮฺ
นั้
เป
นผู
ทรงรอบรู
อย
างละเอี
ยดถี่
ถ
วน"
บทบั
ญญั
ติ
ข
างต
นบ
งบอกถึ
ง "หั
วใจ" ของวั
ฒนธรรม คื
อ พระเจ
าสร
างความแตกต
างทั้
มวลสํ
าหรั
บมนุ
ษยชาติ
มาเพื่
อให
เราทํ
าความรู
จั
ก ทํ
าความเข
าใจ เรี
ยนรู
ความแตกต
างที่
สวยงาม
ที่
มาจากความเมตตาของพระองค
"การรู
จั
กและเรี
ยนรู
ความหลากหลาย" จึ
งเป
นเรื่
องหลั
กของ
วั
ฒนธรรมทุ
กวั
ฒนธรรม ส
วนในเรื่
องของรายละเอี
ยดปลี
กย
อยเป
นความแตกต
างของแต
ละกลุ
ชนที่
วั
ฒนธรรมอาจได
รั
บอิ
ทธิ
พลมาจากความเชื่
อ ความศรั
ทธา วิ
ธี
คิ
ด ภู
มิ
ป
ญญาและ
ลั
กษณะเฉพาะของความเป
นท
องถิ่
นนั้
นๆ ดั
งนั้
น ก
อนที่
เราจะเข
าใจ "วั
ฒนธรรมมุ
สลิ
มจั
งหวั
ชายแดนภาคใต
" เราต
องทํ
าความเข
าใจความหมายของ "วั
ฒนธรรมอิ
สลาม" เป
นเบื้
องต
นก
อน
เพื่
อเป
นการปู
พื้
นฐานเพราะ"วั
ฒนธรรมมุ
สลิ
ม" ไม
ว
าจะอยู
ส
วนใดของโลก ล
วนแล
วได
รั
บอิ
ทธิ
พล
และวางอยู
บนรากฐานของ "วั
ฒนธรรมอิ
สลาม" ทั้
งสิ้
นประเด็
นนี้
เป
นการยื
นยั
นว
า ศาสนาอิ
สลาม
เป
นศาสนาสากล ที่
สามารถปรั
บใช
กั
บชนทุ
กหมู
เหล
าในทุ
กภู
มิ
ภาคต
างๆได
สุ
ริ
ยะ สะนิ
วาและคณะ
(2551: 60)
ได
อธิ
บายวั
ฒนธรรมของคนในพื้
นที่
สามจั
งหวั
ชายแดนภาคใต
เป
นวั
ฒนธรรมอิ
สลาม ซึ่
งวั
ฒนธรรมอิ
สลามจะหมายถึ
งวิ
ถี
การดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตหรื
1...,7,8,9,10,11,12,13,14,15,16 18,19,20,21,22,23,24,25,26,27,...71
Powered by FlippingBook