11
นอกจากนี้
สุ
ธิ
วงศ
พงศ
ไพบู
ลย
และคณะ (2543: 28) ได
อธิ
บายว
า ชนเชื้
อชาติ
ชวา-
มลายู
ได
กระจายและฝ
งรกรากอยู
บริ
เวณแหลมมลายู
นั
บตั้
งแต
มะละกา ยะโฮร
เคดาห
ปตานี
และเขตเชื่
อมต
ออย
างเด
นชั
ด กลุ
มชนเหล
านี้
ต
างใช
ภาษามลายู
เป
นภาษากลางในการติ
ดต
อ
สั
มพั
นธ
กั
น และต
างก็
มี
วั
ฒนธรรมชวาโดดเด
นอยู
ในคติ
ความเชื่
อและประเพณี
ท
องถิ่
นทั้
งยั
งโยงใย
สั
มพั
นธ
กั
นทางเครื
อญาติ
อย
างเหนี
ยวแน
น จึ
งทํ
าให
วั
ฒนธรรมชวา-มลายู
ฝ
งลึ
กในบริ
เวณนี้
ตลอด
ทั้
งรอบอ
าวป
ตตานี
จรดถึ
งเคดาห
หรื
อไทรบุ
รี
ในอี
กมิ
ติ
หนึ่
ง วั
ฒนธรรมของชวา-มลายู
ที่
ปรากฎใน
ภาคใต
จะค
อนข
างสั
มพั
นธ
ใกล
ชิ
ดกั
บวั
ฒนธรรมฮิ
นดู
มี
ทั้
งเกี่
ยวเนื่
องเชื่
อมโยงกั
นค
อนข
างชั
ดเจน
และสามารถสื
บสาวและศึ
กษาที่
มาที่
ไปได
เช
น ความเชื่
อเรื่
องเขาพระสุ
เมรุ
และยั
งปรากฏชั
ดใน
วั
ฒนธรรมดนตรี
และการแสดงพื้
นเมื
อง เช
น หนั
งตะลุ
งแบบชวา พิ
ธี
กรรมต
างๆ คติ
ความเชื่
อ
เกี่
ยวกั
บการสร
างโลกและจั
กรวาล เป
นต
น ยั
งรวมไปถึ
งวั
ฒนธรรมการใช
กริ
ช มี
ด ความเจริ
ญด
าน
โลหวิ
ทยา ผ
าบาติ
ก การใช
ผ
าจั
สตาร
วรรณกรรมชวา และภาษาชวา-มลายู
ส
วน อั
บดุ
ลสุ
โก ดิ
นอะ ได
อธิ
บายวั
ฒนธรรมของมุ
สลิ
มชายแดนใต
นั้
นมี
ความหลากหลาย
และมี
ความเกี่
ยวข
องทั้
งเรื่
องทางโลกและทางธรรม ทั้
งหลั
กปฏิ
บั
ติ
และหลั
กศรั
ทธารวมเข
าด
วยกั
น
คนในพื้
นที่
สามจั
งหวั
ดมี
วั
ฒนธรรมชุ
มชนที่
เป
น "อั
ตลั
กษณ
เฉพาะ" หลั
กการและที่
มาของมุ
สลิ
ม
ชายแดนใต
นั้
น มาจากหลั
กการของศาสนาอิ
สลามที่
นํ
าสู
การกํ
าหนดกรอบวั
ฒนธรรมหรื
อแนวทาง
ปฏิ
บั
ติ
ของกลุ
มชนที่
เรี
ยกตนเองว
า "มุ
สลิ
ม" ผู
ศรั
ทธาในศาสนาอิ
สลามนั้
น มี
ที่
มาจากหลั
กฐานที่
ถู
กระบุ
ในพระมหาคั
มภี
ร
อั
ลกุ
รอ
าน ดั
งนี้
ความว
า "โอ
มนุ
ษย
ชาติ
ทั้
งหลาย แท
จริ
งเราได
สร
างพวกเจ
ามี
เพศชายและเพศหญิ
ง และเราได
ให
พวกเจ
าแยกเป
นหมู
เหล
า เผ
าและ
ตระกู
ล เพื่
อที่
พวกเจ
าจะได
รู
จั
กกั
น แท
จริ
งผู
ที่
มี
เกี
ยรติ
ยิ่
งในหมู
พวกเจ
า
ณ อั
ลลอฮฺ
นั้
น คื
อ ผู
ที่
มี
ความยํ
าเกรงยิ่
งในหมู
พวกเจ
า แท
จริ
งอั
ลลอฮฺ
นั้
น
เป
นผู
ทรงรอบรู
อย
างละเอี
ยดถี่
ถ
วน"
บทบั
ญญั
ติ
ข
างต
นบ
งบอกถึ
ง "หั
วใจ" ของวั
ฒนธรรม คื
อ พระเจ
าสร
างความแตกต
างทั้
ง
มวลสํ
าหรั
บมนุ
ษยชาติ
มาเพื่
อให
เราทํ
าความรู
จั
ก ทํ
าความเข
าใจ เรี
ยนรู
ความแตกต
างที่
สวยงาม
ที่
มาจากความเมตตาของพระองค
"การรู
จั
กและเรี
ยนรู
ความหลากหลาย" จึ
งเป
นเรื่
องหลั
กของ
วั
ฒนธรรมทุ
กวั
ฒนธรรม ส
วนในเรื่
องของรายละเอี
ยดปลี
กย
อยเป
นความแตกต
างของแต
ละกลุ
ม
ชนที่
วั
ฒนธรรมอาจได
รั
บอิ
ทธิ
พลมาจากความเชื่
อ ความศรั
ทธา วิ
ธี
คิ
ด ภู
มิ
ป
ญญาและ
ลั
กษณะเฉพาะของความเป
นท
องถิ่
นนั้
นๆ ดั
งนั้
น ก
อนที่
เราจะเข
าใจ "วั
ฒนธรรมมุ
สลิ
มจั
งหวั
ด
ชายแดนภาคใต
" เราต
องทํ
าความเข
าใจความหมายของ "วั
ฒนธรรมอิ
สลาม" เป
นเบื้
องต
นก
อน
เพื่
อเป
นการปู
พื้
นฐานเพราะ"วั
ฒนธรรมมุ
สลิ
ม" ไม
ว
าจะอยู
ส
วนใดของโลก ล
วนแล
วได
รั
บอิ
ทธิ
พล
และวางอยู
บนรากฐานของ "วั
ฒนธรรมอิ
สลาม" ทั้
งสิ้
นประเด็
นนี้
เป
นการยื
นยั
นว
า ศาสนาอิ
สลาม
เป
นศาสนาสากล ที่
สามารถปรั
บใช
กั
บชนทุ
กหมู
เหล
าในทุ
กภู
มิ
ภาคต
างๆได
สุ
ริ
ยะ สะนิ
วาและคณะ
(2551: 60)
ได
อธิ
บายวั
ฒนธรรมของคนในพื้
นที่
สามจั
งหวั
ด
ชายแดนภาคใต
เป
นวั
ฒนธรรมอิ
สลาม ซึ่
งวั
ฒนธรรมอิ
สลามจะหมายถึ
งวิ
ถี
การดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตหรื
อ