12
รู
ปแบบของพฤติ
กรรมตลอดจนสิ่
งสร
างสรรค
ต
างๆ ที่
นํ
ามาจากหรื
ออยู
ในขอบข
ายของอั
ลกุ
รอาน
และซุ
นนะห
ของท
านศาสดามุ
ฮั
มมั
ด (ศ็
อล) ซึ่
งศาสดามุ
ฮั
มมั
ด (ศ็
อล) เป
นศาสนทู
ตของพระองค
และความศรั
ทธาประการนี้
แท
จริ
งคื
อตั
วกํ
าเนิ
ดพฤติ
กรรมของมุ
สลิ
มหรื
อวั
ฒนธรรมอิ
สลาม ฉะนั้
น
วั
ฒนธรรมอิ
สลามจากด
านองค
ประกอบส
วนอื่
นๆ คื
อ องค
การ องค
พิ
ธี
กรรม และองค
วั
ตถุ
จึ
ง
จํ
าเป
นต
องสอดคล
องหรื
ออยู
บนครรลองของความศรั
ทธา ส
วน อารง สุ
ทธาศาสน
(2525 : 18)
กล
าวไว
ว
า "วั
ฒนธรรมอิ
สลาม" หมายถึ
ง การดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตหรื
อรู
ปแบบของพฤติ
กรรม (แนวปฏิ
บั
ติ
)
ของมุ
สลิ
มผู
นั
บถื
อศาสนาอิ
สลาม ซึ่
งล
วนมี
ส
วนผู
กพั
นกั
บข
อปฏิ
บั
ติ
ทางศาสนาอิ
สลามอย
างใกล
ชิ
ด
เนื้
อหาของวั
ฒนธรรมอิ
สลามแบ
งได
เป
น 2ประเภทคื
อ วั
ฒนธรรมอิ
สลามประเภทที่
เปลี่
ยนแปลง
ไม
ได
ซึ่
งมี
การระบุ
แน
นอนตายตั
วไว
เป
นกฎข
อบั
งคั
บ เช
น การนมั
สการหรื
อการละหมาดวั
นละ 5
เวลา การถื
อศี
ลอด (ปอซอ) ในเดื
อนรอมฎอน การต
องไปจารึ
กแสวงบุ
ญที่
เรี
ยกว
า ฮั
จย
ณ นคร
เมกกะห
อย
างน
อย 1 ครั้
งในชี
วิ
ต หรื
อการที่
มุ
สลิ
มต
องรั
บประทานอาหารที่
"ฮาลาล" เท
านั้
น เป
น
ต
น และวั
ฒนธรรมอิ
สลามประเภทที่
เปลี่
ยนแปลงได
ซึ่
งมั
กจะระบุ
ไว
กว
าง ๆ หรื
อไม
ระบุ
เลยทั้
ง
จากคั
มภี
ร
อั
ลกุ
รอ
านและวั
จนะของท
านศาสดา แต
ให
มุ
สลิ
มใช
วิ
จารณญาณเอาเองว
าสิ่
งไหนควร
ไม
ควรเลื
อกปฏิ
บั
ติ
เช
น การเลื
อกอาชี
พ การเลื
อกที่
พํ
านั
กอาศั
ย การเลื
อกระบบการศึ
กษา การ
เลื
อกลั
กษณะการให
ความช
วยเหลื
อ การเลื
อกสวมอาภรณ
สี
สรรพ
รู
ปแบบต
างๆที่
เหมาะกั
บภู
มิ
ประเทศและวิ
ถี
ชี
วิ
ตความเป
นท
องถิ่
น โดยจะต
องอยู
ในหลั
กการที่
ศาสนาอิ
สลามให
การยอมรั
บ
เป
นต
น
รั
ตติ
ยา สาและ (2544: 65-68) ได
อธิ
บายอิ
ทธิ
พลของวั
ฒนธรรมมลายู
ดั้
งเดิ
มที่
เป
น
ตะกอนสะสมตั้
งแต
ยุ
คสมั
ยก
อนประวั
ติ
ศาสตร
เรื่
อยมาผ
านยุ
คนั
บถื
อลั
ทธิ
ภู
ตผี
พราหมณ
ฮิ
นดู
ไศว
นิ
กาย และพุ
ทธมหายานนั้
นสํ
าคั
ญมาก และได
ทิ้
งร
องรอยไว
ในวิ
ถี
ชี
วิ
ตของสั
งคมมลายู
มุ
สลิ
มสาม
จั
งหวั
ดชายแดนภาคใต
(จชต.) นี้
อยู
ทั้
งๆ ที่
มี
วิ
ถี
ปฏิ
บั
ติ
บางอย
างนั้
นขั
ดกั
บหลั
กการศาสนาอิ
สลาม
ซึ่
งป
จจุ
บั
นนี้
มี
ผู
รู
ศาสนา (อิ
สลาม) พยายามลดทอนสิ่
งเหล
านี้
ออกจากวิ
ถี
ชี
วิ
ตเพื่
อให
มุ
สลิ
มอยู
อย
างมุ
สลิ
มที่
ถู
กต
องมากขึ้
น วั
ฒนธรรมมลายู
สามจั
งหวั
ดชายแดนภาคใต
เป
นเอกลั
กษณ
เฉพาะตน
ซึ่
งวั
ฒนธรรมตะวั
นตกยั
งไม
สามารถเข
าไปครอบงํ
าได
มากเท
าไร สาเหตุ
หนึ่
งที่
สํ
าคั
ญคื
อ “ปตานี
”
ในอดี
ตเป
นราชอาณาจั
กรมลายู
เพี
ยงหนึ่
งเดี
ยวเท
านั้
นที่
ไม
เคยตกอยู
ภายใต
การครอบงํ
าของชาติ
ตะวั
นตก ในป
จจุ
บั
นนี้
ยั
งพบว
าสั
งคมดั้
งเดิ
มของป
ตตานี
ยะลา และนราธิ
วาส ยั
งสามารถรั
กษา
ความเป
นวั
ฒนธรรมมลายู
ของตนที่
ยึ
ดโยงอยู
กั
บหลั
กคํ
าสอนและแนวคิ
ดตามวั
ฒนธรรมอิ
สลามได
โดดเด
นทั้
งนี้
เนื่
องจากว
า “อิ
สลาม” นั้
นเป
นกุ
ญแจสํ
าคั
ญในการควบคุ
มวั
ฒนธรรมของป
จเจกชน
และสั
งคมไทยสามจั
งหวั
ดชายแดนภาคใต
โดยรวม ในความหมายนี้
ผู
ที่
เป
นมุ
สลิ
มทุ
กคนจะต
องถื
อ
ปฏิ
บั
ติ
ให
ถู
กต
องตามหลั
กการทุ
กประการ คื
อ ต
องไม
กระทํ
าในสิ่
งที่
อิ
สลามห
าม เช
น ไม
ผิ
ด
ประเวณี
ไม
ดื่
มเหล
าและของมึ
นเมาทุ
กชนิ
ด ไม
รั
บประทานอาหารที่
ไม
มี
ฮาลาล เช
น เลื
อดสั
ตว
ทุ
ก
ชนิ
ด สุ
กร และสั
ตว
ที่
ไม
ได
ฆ
าในนามของอั
ลลอฮฺ
(ซ.บ.) ไม
กิ
นดอกเบี้
ยและไม
นั
บถื
อหรื
อบู
ชาสิ่
งใด
เท
าเที
ยมอั
ลลอฮฺ
(ซ.บ.) ฯลฯ ส
วนสิ่
งที่
ต
องกระทํ
าหรื
อปฏิ
บั
ติ
เช
น ต
องปฏิ
ญาณตนว
า ไม
มี
พระ
เจ
าอื่
นใดนอกจากอั
ลลอฮฺ
(ซ.บ.) และมุ
ฮั
มหมั
ด (ศ็
อล) เป
นศาสนทู
ตของพระองค
ต
องละหมาด
วั
นละห
าเวลา ต
องถื
อศี
ลอดในเดื
อนรอมฎอน ต
องบริ
จาคทาน (ซะกาต) ต
องไปประกอบพิ
ธี
ฮั
จญ