st125 - page 11

7
ตะวั
นตกและศาสนาอิ
สลามที่
ต่
างกั
น ขณะที่
Zimmermann (2005) ชี
ไปยั
งระบบคิ
ดของสั
งคมตะวั
นตกและ
ศาสนาอิ
สลามเพื่
อแสดงให้
เห็
นว่
าแนวคิ
ดเรื่
องสิ
ทธิ
ของตะวั
นตกกั
บอิ
สลามแท้
จริ
งแล้
วเข้
ากั
นไม่
ได้
ทั
งนี
การศึ
กษาศาสนาอิ
สลามแนวคั
มภี
ร์
มี
ความโดดเด่
นเป็
นพิ
เศษในการศึ
กษาความสั
มพั
นธ์
ระหว่
างศาสนาอิ
สลาม
กั
บความรุ
นแรง เช่
น Euben (2002) เสนอว่
าคาสอนศาสนาอิ
สลาม เช่
นญี
ฮั
ด เป็
นแหล่
งสร้
างความชอบธรรม
ให้
กั
บการใช้
ความรุ
นแรง ขณะที่
Huntington (1993) เสนอว่
าความขั
ดแย้
งระหว่
างอารยธรรมตะวั
นตกกั
อารยธรรมอิ
สลามซึ่
งจะครอบงาการเมื
องโลกนั
นมี
แรงผลั
กดั
นมาจากความเถรตรง (immutability) ของศาสนา
อิ
สลาม
อย่
างไรก็
ดี
แนวทางเหล่
านี
มี
ข้
อจากั
ดเพราะความคิ
ดในศาสนาอิ
สลามไม่
ได้
มี
ลั
กษณะเป็
นเอกพจน์
หยุ
ดนิ่
ง หรื
อวางอยู
บนคั
มภี
ร์
เพี
ยงประการเดี
ยวหากแต่
ขึ
นกั
บการตี
ความอั
นหลากหลายรวมทั
งการปรั
บใช้
ใน
บริ
บททางประวั
ติ
ศาสตร์
และการเมื
องจาเพาะ (Esposito 2002) ขณะเดี
ยวกั
นศาสนาอิ
สลามก็
ไม่
เคยเป็
นเนื
เดี
ยว แต่
มี
ความหลากหลาย ซึ่
งทาให้
แนวคิ
ดเรื่
อง “การปะทะกั
นระหว่
างอารยธรรม” ของ Huntington (1993)
กลวงและว่
างเปล่
า พร้
อมกั
บทาให้
การปะทะประสานกั
นภายในศาสนาอิ
สลามมี
นั
ยสาคั
ญมากกว่
า (Barber
1996, Esposito 1991, Gunn 2003, Hefner 2001, 2002, Milton-Edwards 2005, Tibi 2001) นอกจากนี
สิ่
ที่
มั
กนั
บกั
นว่
าเป็
นเรื่
องเกี่
ยวกั
บศาสนาอิ
สลามแท้
ที่
จริ
งแล้
วมี
แรงผลั
กดั
นมาจากเงื่
อนไขทางสั
งคม วั
ฒนธรรม
เศรษฐกิ
จ และการเมื
องจาเพาะ (Eickelman and Piscatori 1996, Esposito 1999, Lawrence 1998, Sidel
2006) ฉะนั
นการทาความเข้
าใจศาสนาอิ
สลามจึ
งจาเป็
นจะต้
องให้
ความสาคั
ญกั
บสภาวะหรื
อเงื่
อนไขท้
องถิ่
ซึ่
งศาสนาอิ
สลามปรากฏตั
วขึ
น และการศึ
กษาศาสนาอิ
สลามด้
วยแนวทางมานุ
ษยวิ
ทยาสามารถช่
วยให้
บรรลุ
วั
ตถุ
ประสงค์
ดั
งกล่
าวได้
เช่
นBowen (2003) เสนอว่
าศาสนาอิ
สลามไม่
ใช่
ชุ
ดของกฎเกณฑ์
ที่
ตายตั
ว หากแต่
เป็
นการรวบรวม
ของธรรมเนี
ยมที่
แข่
งขั
นกั
นซึ่
งผู
คนเลื
อกหยิ
บใช้
และตี
ความในเงื่
อนไขและบริ
บทต่
างๆ การศึ
กษาศาสนาอิ
สลาม
จึ
งไม่
ใช่
เรื่
องของการศึ
กษาว่
าคั
มภี
ร์
จารึ
กไว้
อย่
างไรหากแต่
เป็
นว่
าชาวมุ
สลิ
มแต่
ละแห่
งเลื
อกหยิ
บใช้
และตี
ความ
คาสอนในศาสนาอิ
สลามในแต่
ละบริ
บทและเงื่
อนไขอย่
างไรมากกว่
า นอกจากนี
Bowen (1993) ยั
งเสนอ
การศึ
กษาสิ่
งที่
เขาเรี
ยกว่
า “ชี
วิ
ตทางสั
งคมของคั
มภี
ร์
” โดยเขาศึ
กษาว่
าชาวมุ
สลิ
มอิ
นโดนี
เซี
ยสร้
างคั
มภี
ร์
ของ
พวกเขาแต่
ละคนโดยการดั
ดแปลงเนื
อหาในคั
มภี
ร์
สาคั
ญของศาสนาอิ
สลามอย่
างไร ในทานองเดี
ยวกั
น Peletz
(2002) แสดงให้
เห็
นว่
าศาลอิ
สลามในประเทศมาเลเซี
ยได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจากแนวคิ
ดเรื่
องความยุ
ติ
ธรรมของท้
องถิ่
ค่
อนข้
างมาก ขณะที่
Messick (1993) ชี
ให้
เห็
นว่
าคั
มภี
ร์
ศาสนาอิ
สลามในประเทศเยเมนได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจาก
บริ
บททางสั
งคมและการเมื
องรวมทั
งเทคโนโลยี
การพิ
มพ์
ในประเทศอย่
างสาคั
1...,2,3,4,5,6,7,8,9,10 12,13,14,15,16,17,18,19,20,21,...116
Powered by FlippingBook