5
และผู
้
ประกอบการอิ
สระ กลายเป็
นกลุ่
มคนที่
ครอบครองทรั
พยากรในการผลิ
ตมากที่
สุ
ด และอาศั
ย
ระบบทุ
นนิ
ยมนี
้
เองในการเอารั
ดเอาเปรี
ยบชนชั
้
นกรรมาชี
พ ในหนั
งสื
อชื่
อ Das Kapital ( 3
vol.,1867-1894) ซึ
่
งเสนอบทวิ
เคราะห์
กลไกของเศรษฐกิ
จแบบทุ
นนิ
ยมโดยละเอี
ยดนั
้
น มาร์
กซ์
ได้
กล่
าวถึ
งทุ
นว่
ามี
สองประเภทคื
อ ทุ
นคงที่
และทุ
นแปรผั
น ทุ
นคงที่
( constant capital ) ได้
แก่
ปั
จจั
ย
การผลิ
ตที่
ไม่
ใช่
คน คื
อ โรงงานและเครื่
องจั
กร มู
ลค่
าของทุ
นประเภทนี
้
จะไม่
เปลี่
ยนแปลง กล่
าวคื
อ
มู
ลค่
าที่
ใช้
ไปในกระบวนการผลิ
ตจะถู
กถ่
ายโอนไปสู
่
สิ
นค้
า ดั
งนั
้
น เจ้
าของทุ
นลงทุ
นไปเท่
าใด มู
ล
ค่
าที่
ได้
กลั
บมาจากสิ
นค้
าที่
ผลิ
ตก็
จะมี
ค่
าเท่
ากั
น ส่
วนทุ
นแปรผั
น (variable capital) ได้
แก่
ค่
าจ้
าง
แรงงาน
มู
ลค่
าที่
ได้
กลั
บมาจากการลงทุ
นประเภทนี
้
มี
การเปลี่
ยนแปลงคื
อ
เกิ
ดมู
ลค่
าส่
วนเกิ
น
(surplus value) ของสิ
นค้
า เนื่
องจากเจ้
าของทุ
นเอาเปรี
ยบใช้
แรงงานของกรรมกรมากเกิ
นกว่
ามู
ลค่
า
ของค่
าจ้
าง ทํ
าให้
มี
แรงงานที่
ไม่
ได้
รั
บค่
าตอบแทน มู
ลค่
าส่
วนเกิ
นที่
เกิ
ดขึ
้
นนี
้
ก็
คื
อ กํ
าไรที่
เจ้
าของทุ
น
นํ
าไปสั่
งสมและเพิ่
มปริ
มาณทุ
นให้
มากขึ
้
นเรื่
อยๆ อั
นเป็
นผลให้
คงความรํ
่
ารวยไปอย่
างไม่
มี
ที่
สิ
้
นสุ
ด
ชนชั
้
นกรรมาชี
พจึ
งยิ่
งตกอยู
่
ภายใต้
วงจรของการครอบงํ
าทางเศรษฐกิ
จอย่
างไม่
มี
ทางหลุ
ดพ้
นหากไม่
ลุ
กขึ
้
นมาต่
อสู
้
กั
บชนชั
้
นนายทุ
น
ในทางสั
งคมวิ
ทยาสมั
ยใหม่
แนวคิ
ดเรื่
อง “ทุ
น” ได้
ถู
กนํ
ามาใช้
ในความหมายที่
กว้
างขึ
้
น
นอกเหนื
อไปจากทุ
นในเชิ
งเศรษฐกิ
จ เช่
น ทุ
นทางสั
งคม ทุ
นมนุ
ษย์
ทุ
นทางความรู
้
ทุ
นทางปั
ญญา
ทุ
นทางทรั
พยากร ฯลฯ แนวความคิ
ดเหล่
านี
้
ตั
้
งอยู
่
บนสมมุ
ติ
ฐานที่
ว่
า สั
งคมประกอบขึ
้
นด้
วย
องค์
ประกอบต่
างๆ
อั
นหลากหลายและซั
บซ้
อน
การพิ
จารณาแต่
มิ
ติ
ทางเศรษฐกิ
จซึ
่
งเป็
นเพี
ยง
องค์
ประกอบเดี
ยวจึ
งไม่
น่
าจะเพี
ยงพอต่
อการทํ
าความเข้
าใจปรากฏการณ์
ของสั
งคมทั
้
งสั
งคม ในที่
นี
้
จะกล่
าวถึ
งทุ
นที่
บู
ร์
ดิ
เยอได้
ศึ
กษาวิ
เคราะห์
คื
อทุ
นทางวั
ฒนธรรมทุ
นทางสั
ญลั
กษณ์
ทุ
นทางสั
งคม
ทุ
นทางวั
ฒนธรรม
(ภาษาฝรั่
งเศส : capital culturel , :ภาษาอั
งกฤษ cultural capital)
ทุ
นทางวั
ฒนธรรม
หมายถึ
งสิ่
งที
่
บุ
คคลได้
รั
บจากกระบวนการหล่
อหลอมทางสั
งคมอั
น
กลายเป็
นคุ
ณสมบั
ติ
ติ
ดตั
วที่
เอื
้
อให้
บุ
คคลสามารถนํ
าไปเพิ่
มพู
นมู
ลค่
าของตนได้
ทั
้
งนี
้
มั
กเป็
นสิ่
งที่
หลอมละลายอยู
่
ในตั
วตนของบุ
คคล และแสดงออกอ่
านทางพฤติ
กรรม เช่
น ความรู
้
รสนิ
ยม กิ
ริ
นา
มารยาท นอกจากนี
้
ยั
งหมายรวมถึ
งทรั
พย์
สิ
นต่
างๆ ที่
มี
คุ
ณค่
าอย่
างใดอย่
างหนึ
่
งที่
ไม่
ใช่
เชิ
งเศรษฐกิ
จ
แต่
สามารถมี
มู
ลค่
าในเชิ
งเศรษฐกิ
จได้
เช่
น งานศิ
ลปะหนั
งสื
อ เอกสารรั
บรองทางวิ
ชาการ
ปิ
แยร์
บู
ร์
ดิ
เยอ เป็
นผู
้
เสนอแนวคิ
ดเรื่
องทุ
นทางวั
ฒนธรรมที่
กํ
าการวิ
เคราะห์
ได้
อย่
างละเอี
ยด
ลึ
กซึ
้
ง
โดยนํ
าทุ
นในเชิ
งเศรษฐกิ
จมาขยายขอบเขตไปสู
่
แหล่
งทรั
พยากรทางวั
ฒนธรรมด้
วย
ซึ
่
ง
พิ
จารณาได้
ในสามลั
กษณะ คื
อ ทุ
นทางวั
ฒนธรรมที่
แฝงฝั
งในกาย ทุ
นที่
อยู
่
ในรู
ปวั
ตถุ
และทุ
นที่
อาศั
ยการสถาปนา