ct156 - page 23

โดยมี
กรมพระราชวั
งบวรฯ เป็
นแม่
ทั
พหลวง สามารถตี
เวี
ยงจั
นทน์
และหั
วเมื
องรายทางที่
ขึ้
นกั
บเวี
ยงจั
นทน์
รวมทั้
งหั
วเมื
องลาวใกล้
เคี
ยงทั้
งหมดลงมากรุ
งเทพฯ เพื่
อขจั
ดปั
ญหาที่
เกิ
ดขึ้
นภายหลั
ง ตั
วเจ้
าอนุ
วงศ์
ได้
ขน
ย้
ายทรั
พย์
สิ
นลงเรื
อหนี
ไปพึ่
งเมื
องญวนก่
อนเสี
ยเมื
อง
ขณะเมื่
อกองทั
พไทยทํ
าศึ
กสงครามปราบกบฏเจ้
าอนุ
วงศ์
อยู่
นั้
น เมื
องพวนได้
ก่
อปั
ญหาโดยไปเข้
ากั
ฝ่
ายญวน และสร้
างชนวนสงครามระหว่
างไทยกั
บญวน จึ
งทํ
าให้
ญวนถื
อโอกาสยึ
ดหั
วเมื
องลาวต่
างๆ ที่
อยู่
ใกล้
เขตแดนของตน เช่
น หั
วพั
นทั้
งห้
าทั้
งหก ประกอบด้
วยเมื
องเหยิ
ม เมื
องเชี
ยงดอ เมื
องซํ
าเหนื
อ เมื
องซํ
าใต้
เมื
องไสย และเมื
องชอน ซึ่
งอยู่
ในเขตสิ
บสองจุ
ไทและเมื
องพวน พระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว จึ
โปรดฯ ให้
พระธรรมาเป็
นแม่
ทั
พคุ
มกองทั
พไปตั้
งอยู่
ที่
เมื
องหลวงพระบาง แล้
วจึ
งแต่
งตั้
งให้
เจ้
าราชภั
ย ยก
กองทั
พไปตี
เมื
องพวน และให้
เจ้
าอุ่
นแก้
ว เจ้
าสั
ญชั
ย และเจ้
าแก่
นคํ
า ยกองทั
พขึ้
นไปตี
เมื
องแถง ตั้
งแต่
ปี
พ.ศ.
๒๓๗๖ จนถึ
งปี
พ.ศ.๒๓๗๘ กองทั
พไทยจึ
งได้
รั
บชั
ยชนะพร้
อมทั้
งได้
กวาดต้
อนชาวลาวพวน และลาวทรงดํ
ลงมาที่
กรุ
งเทพฯ อี
ก ดั
งปรากฏในพระราชพงศาวดารเมื
องหลวงพระบางว่
“...ครั้
งศั
กราช ๑๑๗๙ ปี
มะแม สั
ปตศก (พ.ศ.๒๓๗๘) พระยาธรรมาเป็
นแม่
ทั
พคุ
มทหาร
ขึ้
นไปตั้
งอยู
เมื
องหลวงพระบาง แล้
วแต่
งตั้
งให้
เจ้
าราชภั
ย อุ
ปราชท้
าว พระยาคุ
มกองทั
พขึ้
ไปตี
เมื
องพวน แต่
ให้
เจ้
าอุ่
นแก้
ว น้
องเจ้
าอุ
ปราช เจ้
าสั
ญชั
ย บุ
ตรเจ้
าอุ
ปราชนาคที่
๗ เจ้
แก่
นคํ
า บุ
ตรเจ้
าหอหน้
าอภั
ยที่
๒ ขึ้
นไปตี
เมื
องแถง จั
บได้
ลาวพวน ลาวทรงดํ
า ส่
งมา ณ
กรุ
งเทพฯ...” (ประชุ
มพงศาวดารเล่
ม ๔, ๒๕๐๗ อ้
างถึ
งในบุ
ญเสริ
ม ติ
นตะสุ
วรรณ,
๒๕๔๕)
หลั
งจากปราบหั
วเมื
องลาวต่
างๆ ได้
แล้
ว ทางกรุ
งเทพฯ ได้
มอบให้
เมื
องพวนอยู่
ในความดู
แลของ
เมื
องหลวงพระบาง ในปี
พ.ศ.๒๓๗๙ เมื
องหึ
ม เมื
องดอย เมื
องควร มี
ความกระด้
างกระเดื่
องต่
อเมื
องหลวง
พระบาง เจ้
าอุ
ปราช เจ้
ารางวงศ์
แห่
งเมื
องหลวงพระบาง จึ
งแต่
งตั้
งให้
ท้
าวพระยาศรี
มหานาม นํ
าลาวทรงดํ
ลงมามอบต่
อกรุ
งเทพฯ ต่
อมาในปี
พ.ศ.๒๓๘๑ เจ้
าอุ
ปราชกั
บเจ้
าราชวงศ์
ทะเลาะวิ
วาทกั
น เจ้
าราชวงศ์
ถื
โอกาสคุ
มลาวทรงดํ
าไปอยู่
ที่
ตํ
าบลท่
าแร้
ง อํ
าเภอบ้
านแหลม จั
งหวั
ดเพชรบุ
รี
เพื่
อเอาความดี
ความชอบให้
แก่
ตั
วเอง แต่
เนื่
องจากลั
กษณะภู
มิ
ประเทศเป็
นที่
ราบลุ่
มน้ํ
าท่
วมถึ
ง ลาวทรงดํ
าจึ
งอพยพเคลื่
อนย้
ายครอบครั
วไป
อยู่
ที่
บ้
านสะพานยายหน (สะพานยี่
หน) เวี
ยงคอย และวั
งตะโก (เรไร สื
บสุ
ข และคณะ, ๒๓๒๕) และอี
กครั้
หนึ่
งในปี
พ.ศ.๒๓๘๒ จดหมายเหตุ
เกี่
ยวกั
บเขมรและญวนได้
บั
นทึ
กไว้
ว่
า เมื
องหลวงพระบางส่
งตั
วลาวทรงดํ
ที่
กวาดต้
อนมาได้
จากเมื
องแถงจํ
านวนร้
อยคนเศษ ลงมาถวายพระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
วที่
กรุ
งเทพฯ (ประชุ
มพงศาวดารเล่
ม ๔๒, ๒๕๐๗ อ้
างถึ
งในบุ
ญเสริ
ม ติ
นตะสุ
วรรณ, ๒๕๔๕)
ไทยทรงดํ
าที่
อพยพเข้
ามาในประเทศไทยสมั
ยพระบาทสมเด็
จพระนั่
งเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
วนั้
น มี
ชาวไทย
ทรงดํ
าตระกู
ลหนึ่
งมี
ศั
กดิ์
เป็
นท้
าวเพี้
ย (ตํ
าแหน่
งข้
าราชการหั
วเมื
องสมั
ยโบราณ) ซึ่
งเป็
นบุ
ตรหลานของพระ
ยาเถิ
น เป็
นหั
วหน้
าควบคุ
มชาวไทยทรงดํ
าลงมา เมื่
อมาถึ
งจั
งหวั
ดเพชรบุ
รี
ก็
พาพวกตนมาอยู่
ที่
ตํ
าบลท่
าแร้
อํ
าเภอบ้
านแหลม จั
งหวั
ดเพชรบุ
รี
อี
กครั้
งหนึ่
ง แต่
บรรดาเพี้
ยและผู้
ใหญ่
ที่
ติ
ดตามมาด้
วยไม่
ชอบใจ เพราะว่
าที่
1...,13,14,15,16,17,18,19,20,21,22 24,25,26,27,28,29,30,31,32,33,...223
Powered by FlippingBook