sp104 - page 44

บทที่
๔ องค์
ความรู้
ด้
านค่
านิ
ยมไทยในทรรศนะของผู้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
:: ๓๖
สิ่
งที่
จั
ดว่
าเป็
นค่
านิ
ยมนั้
น ในสิ่
งเดี
ยวกั
นนั้
น อาจจะได้
รั
บการยึ
ดถื
อว่
าเป็
นค่
านิ
ยมของคนแต่
ละ
คนหรื
อแต่
ละกลุ่
ม หรื
ออาจจะไม่
ได้
รั
บการยึ
ดถื
อว่
าเป็
นค่
านิ
ยมของผู้
อื่
นหรื
อกลุ่
มอื่
นได้
ไม่
มี
หลั
กเกณฑ์
ใดๆกาหนดตายตั
ว ดั
งนั้
น จึ
งเห็
นได้
ว่
าค่
านิ
ยมของชาวชนบท และชาวกรุ
งนั้
นมี
ความแตกต่
างกั
นไป
และไม่
สามารถเปรี
ยบเที
ยบกั
นได้
ว่
าค่
านิ
ยมของกลุ่
มใดดี
หรื
อไม่
ดี
กว่
ากั
ค่
านิ
ยมหลายๆ ประการมี
การเปลี่
ยนแปลงไปเรื่
อยตามกาลเวลาที่
ผ่
านไปและในพั
ฒนาการ
ของมนุ
ษย์
ในสั
งคมและของโลกที่
เปลี่
ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิ
วั
ตน์
เป็
นสั
จธรรมเช่
นเดี
ยวกั
บสิ่
อื่
นๆ (นั่
นคื
อ ใดๆในโลกล้
วน อนิ
จจั
ง และเข้
าข่
าย เกิ
ดขึ้
น ตั้
งอยู่
ดั
บไป) แต่
หลายประการก็
ยั
งดารงคง
อยู่
อย่
างมั่
นคง ค่
านิ
ยมที่
เปลี่
ยนแปลงไปนั้
นบางอย่
างก่
อให้
เกิ
ดความสั
บสนหรื
อความขั
ดแย้
งขึ้
นได้
ตั
วอย่
างเช่
น ในอดี
ตที่
ผ่
านมาเป็
นระยะเวลายาวนานนั้
น คนไทยถู
กปลู
กฝั
งด้
วยคาสอนทางศาสนาพุ
ทธ
ว่
า “ทาดี
ได้
ดี
ทาชั่
วได้
ชั่
ว “ แต่
ปั
จจุ
บั
น เริ่
มรู้
สึ
กสั
บสนกั
บคากล่
าวที่
ได้
ยิ
นบ่
อยๆว่
า “ทาดี
ได้
ดี
มี
ที่
ไหน
ทาชั่
วได้
ดี
มี
ถมไป” เนื่
องจากการสั
งเกตพฤติ
กรรมของคนกลุ่
มหนึ่
งในสั
งคมว่
าทาชั่
วอย่
างเห็
นได้
ชั
ด เช่
เผาบ้
านเผาเมื
อง ก็
ยั
งได้
รั
บแต่
งตั้
งให้
เป็
นใหญ่
เป็
นโตในบ้
านเมื
อง หรื
อเป็
นที่
รู้
กั
นทั่
วไปว่
าเป็
นคนทุ
จริ
คดโกง ร่
ารวยด้
วยการคอรั
ปชั่
นทางราชการก็
ยั
งมี
คนกราบไหว้
ยกย่
องสรรเสริ
ญ หรื
อในอดี
ตที่
ผ่
านมา
ครู
มี
หน้
าที่
“สั่
งสอน” เด็
กนั
กเรี
ยน แต่
ปั
จจุ
บั
นนี้
ถ้
าสอนไม่
ถู
กใจเด็
กหรื
อทาโทษเด็
กเกเรและกระทาผิ
ครู
ก็
จะถู
กเด็
ก “สั่
งสอน” เข้
าบ้
างด้
วยการทาร้
ายร่
างกายครู
ก็
มี
ตามที่
เป็
นข่
าว แต่
ครู
บางคนก็
ควรจะ
ทบทวนบทบาทและพฤติ
กรรมของตนเองบ้
างเหมื
อนกั
นว่
าได้
สั่
งสอนอบรมด้
วยวิ
ธี
การแสดงอานาจที่
ไม่
เป็
นธรรมต่
อเด็
กบ้
างหรื
อไม่
หรื
อลงโทษเด็
กด้
วยความรุ
นแรงเกิ
นกว่
าเหตุ
บ้
างหรื
อไม่
เช่
นเดี
ยวกั
น ถ้
ครู
อบรมสั่
งสอนเด็
กๆด้
วยความเมตตากรุ
ณาอย่
างแท้
จริ
ง เด็
กคงไม่
คิ
ดโกรธแค้
นอย่
างรุ
นแรงฝั
งใจอยู่
และคิ
ดจะแก้
แค้
น ตามค่
านิ
ยมที่
เด็
กถู
กปลู
กฝั
งมาอย่
างต่
อเนื่
องยาวนานในสั
งคมว่
า “แค้
นนี้
ต้
องชาระ”
๒)
ความหมายของ “ค่
านิ
ยมไทย”
คาว่
า “ค่
านิ
ยมไทย” เมื่
อดู
ตามรู
ปศั
พท์
แล้
วอาจสื่
อความหมายให้
เข้
าใจว่
า “ในสั
งคมไทยมี
อะไรบ้
างเป็
นสิ่
งที่
มี
คุ
ณค่
าที่
คนไทยยึ
ดถื
อว่
าเป็
นค่
านิ
ยมประจาชาติ
หรื
อเป็
นเอกลั
กษณ์
ที่
แสดงความ
เป็
นไทย” ก็
ได้
หรื
อ “ในความเป็
นไทยๆของคนไทยนั้
นมี
อะไรบ้
างเป็
นสิ่
งที่
มี
คุ
ณค่
า” ดั
งนั้
น ก็
ได้
จึ
งขอ
ตอบตามความเข้
าใจว่
าในความหมายแรกก่
อนว่
า “ในสั
งคมไทยมี
อะไรบ้
างเป็
นสิ่
งที่
มี
คุ
ณค่
าที่
คนไทย
ยึ
ดถื
อว่
าเป็
นค่
านิ
ยมประจาชาติ
หรื
อเป็
นเอกลั
กษณ์
ที่
แสดงความเป็
นไทย”
กล่
าวอย่
างกว้
างๆ ตามความคิ
ดเห็
นส่
วนตั
วจากการสั
งเกตพฤติ
กรรมทั่
วๆไปของคนไทยที่
มิ
ได้
อ้
างอิ
งหลั
กวิ
ชาใดๆ ว่
า ค่
านิ
ยมพื้
นฐานที่
คนไทยส่
วนใหญ่
ยึ
ดถื
อมี
อยู่
สามประการ คื
อ “สนุ
ก สะดวก
สบาย” ซึ่
งขออธิ
บายขยายความดั
งนี้
ค่
านิ
ยมพื้
นฐาน ประการแรก คื
อ“สนุ
ก” คนไทยมี
ค่
านิ
ยมของการรั
กสนุ
ก ชื่
นชอบการเล่
สนุ
กสนาน ไม่
จริ
งจั
งอะไรนั
กกั
บเรื่
องราวหรื
อสถานการณ์
ต่
างๆ โดยรั
บค่
านิ
ยมบางประการมาจาก
ต่
างประเทศ สั
งเกตได้
การจั
ดงานสนุ
กสนานตามเทศกาลต่
างๆ เริ่
มตั้
งแต่
ส่
งท้
ายปี
เก่
าต้
อนรั
บปี
ใหม่
ตรุ
ษจี
น วาเลนไทน์
(ที่
คนไทยพากั
นลุ่
มหลงว่
าเป็
นวั
นแห่
งความรั
ก มี
การจั
ดงานแต่
งงานกั
นอย่
าง
1...,34,35,36,37,38,39,40,41,42,43 45,46,47,48,49,50,51,52,53,54,...216
Powered by FlippingBook