sp104 - page 52

บทที่ ๔ องค์ ความรู้ด้านค่านิยมไทยในทรรศนะของผู้ทรงคุณวุฒิ :: ๔๔
ตามกาลเวลา ค่านิยมของคนหมู่ มากมีความต้องการที่ พักอาศัย ที่ในเมืองที่ก็น้อยคนก็มากขึ้นก็จะต้อง
ออกแบบสถาปัตยกรรมหรือที่ พักอาศัยของคนต้องอยู่ ซ้อนกั นเป็นชั้นๆ เป็ นการเปลี่ยนแปลงด้วยถู ก
บังคั บจากกิจการงานหรื อจากสังคมในปัจจุ บันที่มั นมีความจาเป็ นที่จะต้องเป็ นไปเหมือนกันทุ กๆ
ประเทศ จะมีที่พักอาศั ยที่จะอยู่เป็ นแฟลต เป็นคอนโดมิ เนียมเพราะว่าที่ ดินในเมืองน้อยลงๆค่ านิยม
ต่างๆพวกนี้ มันก็ จะเห็นได้ ว่ ามันมีอิทธิพลจากต่างประเทศ อิทธิพลจากความเป็นอยู่ ในสมัยปัจจุ บัน
เมื่อก่อนก็ไม่มี ไฟฟ้าใช้ ใช้ตะเกียงน้ ามันใช้ตะเกี ยงเดี๋ ยวนี้มีไฟฟ้าขึ้ นมา เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ความ
เป็นอยู่ ทั้งหลายต้องอาศัยไฟฟ้าตั้งมากมายมหาศาล รวมทั้งเรื่ องของการใช้ น้ามันเบนซิ นหรือว่าแก๊ส
หรือว่าอะไรต่างๆ ที่เข้ามาระยะหลังนี้มันก็ ทาให้ค่านิยมมันเปลี่ ยนไป มีบ้านก็ต้องมี ทีวี ก็ต้องมี พัดลม
มีตู้ เย็ น ต้องมีแอร์คอนดิชั่นต้องมีอะไรต่างๆ นี่ อันนี้มันเป็ นเรื่องของความเปลี่ ยนแปลงที่คนที่ อยู่ใน
เมืองจะต้ องประสบกันโดยถ้ วนหน้าเพราะว่ ามันมีความจาเป็นโดยเฉพาะอย่ างยิ่ งดิ นฟ้ าอากาศที่
เปลี่ยนแปลงไปทุกๆ วันเป็นเหตุที่บังคับให้ค่ านิยมต่างๆ มันเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพราะฉะนั้นจะสังเกต
ได้ว่ าสั งคมที่อยู่ กันมาทุกวันนี้เนื่องจากประชากรเพิ่ มขึ้นมากขึ้ นๆ การเปลี่ยนแปลงของความเป็นอยู่
ต่างๆ หรือค่านิยมต่างๆ ยกตัวอย่าง คนในเมืองค่านิยมในการใช้รถยนต์มั นก็เห็นว่ ามันมีความจาเป็นที่
จะต้องใช้ เพราะโดยหลักทฤษฎี ผั งเมืองแล้ ว เมืองมั นค่ อนข้างจะขยายตัวรวดเร็ ว ในปัจจุ บันการ
เชื่ อมต่อหรื อประสานงานกั บคนที่อยู่ ระยะไกลที่เข้ ามาทางานในเมืองมี ความจาเป็นที่ จะต้ อง
เปลี่ยนแปลงค่ านิยมในการเดิ นทางคือจาเป็ นต้องมี รถยนต์ ค่ านิยมบางเรื่องเป็ นค่ านิยมที่มี ความ
จาเป็นที่ ถูกบั งคับโดยสั งคมในยุคปั จจุ บัน ในการที่ จะใช้ชีวิ ตประจาวัน แล้ วก็คิ ดว่ าเราจะอยู่อย่ าง
แบบเดิมทีเดียวมันก็อยู่ ไม่ได้
ค่านิยมต่างๆที่ว่านี้มันจะต้ องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาไปตามกาลสมั ยที่มันจะต้องถูกต้ อง
เช่นเดียวกั บการแต่ งเนื้อแต่ งตัวหรื ออะไรต่างๆที่ เป็ นค่ านิยมอย่างเช่นว่ า เราแต่ งเนื้ อแต่งตั วไปยัง
ต่างประเทศก็จะต้องใส่เสื้อนอกผูกเนคไทอะไรต่างๆนี่ซึ่งโบราณเราก็ไม่มี แล้วเราก็ไปทาอย่างนั้น แบบ
เราเป็นเมืองร้อน มันค่านิยมที่ จาเป็น ลองดูผู้ แทนในรัฐสภาหรื อหรืออะไรต่างๆต้องใส่เสื้อนอกผูกเนค
ไทถือว่าเป็ นเรื่องสากลนิยมทั้ งๆที่เราเป็นเมื องร้อนแล้ วก็ร้ อนตับแลบ ใส่ เสื้อนอกเข้ าไปอีกซึ่งคน
โบราณเขาไม่ได้ทา คนโบราณค่านิยมเขาไม่ได้เป็ นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นจะสังเกตเห็นได้ว่ าค่านิยมนี้ มัน
ได้รับมาจากต่างประเทศหรือจากประเทศที่เราถือว่าเขาเป็นประเทศที่เจริ ญในทางวัตถุ หรืออะไรต่างๆ
เราก็ไปเอาเป็นแบบเป็นอย่างกันมาเนื่องจากว่าสื่อทั้งหลายแหล่มันรวดเร็วทันใจ เดี๋ ยวนี้แม้กระทั้ งพวก
Teenage หรื ออะไรก็ต่างๆ การแต่ งเนื้อแต่ งตัวเดี๋ ยวนี้เมื่ อก่อนไม่ได้ เลย นุ่งกระโปรงเลยหั วเข่า
หน่อยนึงก็โดนผู้ ใหญ่เขาตักเตือนก็ โดนผู้ใหญ่ เขาว่า เดี๋ยวนี้ ขึ้ นไปถึงไข่ดันก็ยั งไม่มีใครเขาสนใจเลย นี่
คือค่านิยมของปัจจุบันคื อจะดีจะเลวยั งไงมันก็ทากั นอยู่อย่างนี้ ที นี้ถ้าหากว่าคนไทยได้รั บการศึกษา
สูงๆแล้วมีความคิดที่ถูกต้ องจริงๆคือเป็นตัวของตัวเองนี้ แต่บางทีมันก็มี ความจาเป็นเหมือนกันที่จะต้อง
ตามเขาไปด้วย บางที มั นก็ ไม่รู้ จะทาอย่ างไรเหมื อนกันหรือเราจะเป็นแกะดาอยู่ ในกลุ่ มแกะขาว
ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์ ภิญโญ บางทีก็ ไม่เห็นด้ วยกับการใส่เสื้อนอกแต่ ว่าพอเอาเข้าจริ งตัวเองก็ต้อง
ทาด้วย ก็ต้องใส่เสื้อนอกเพราะว่ าค่านิยมมันเป็นอย่ างนั้นจะไปใส่เสื้ อยืดหรือเสื้อกล้ ามตัวเดียวหรือว่า