sp104 - page 34

บทที่ ๒ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง :: ๒๖
เป้าหมายของการปฏิ บัติงานเป็นประจาจนกลายเป็นธรรมเนียมหรือเอกลักษณ์ของกลุ่ มค่านิยมร่วมที่
สาคัญประกอบด้ วย (เสาวภา ไพทยวัฒน์, ๒๕๓๘)
๑) ค่านิยมทางอุดมการณ์หรือความคิ ด
๒) ค่านิยมทางด้านประเพณีหรือธรรมเนียมปฏิบัติ
๓) ค่านิยมทางด้านระบบหรือความต่ อเนื่องขององค์ประกอบย่อย
๔) ค่านิ ยมทางด้านเครื่ องมือหรื อวัตถุที่ใช้ ค่ านิยมที่ จะจู งใจให้คนทางานและมีพลังขับให้
สมาชิกทุกคนในการทางานต้องเสริมสร้างให้ได้ ครบทั้ง ๔ องค์ประกอบ เช่น
๔.๑ อุดมการณ์: คนทางาน คือคนที่มีคุณค่าต่ อสังคม
๔.๒ ธรรมเนียม: คนในองค์การมีการทางานเป็นประจาจนเป็นพฤติกรรมปกติของคน
ในองค์การ ผู้ใดไม่ทางานถือว่าเป็นพฤติกรรมไม่ปกติและไม่ มีคุณค่า
๔.๓ ระบบ: คนทุกคนที่เป็นสมาชิกขององค์การต่างทางานตามบทบาทหน้าที่กันทุก
คน
๔.๔ ปรากฏการณ์ (วัตถุ / เครื่องมือ): พฤติกรรมที่ เป็นสมาชิกขององค์การต่างทางาน
ตามบทบาทหน้าที่กันทุกคนการสร้างค่านิยมร่วมจึงถือเป็ นวิธีการที่สาคัญในการ
เสริมแรงหรือเปลี่ยนแปลงเจตคติของบุคคล ซึ่งตามปกติการเปลี่ยนแปลงเจตคติ
ในทิศทางเดียวกันจะเปลี่ยนแปลงได้ ง่ายกว่าการเปลี่ ยนแปลงเจตคติในทิศทางที่
สวนทางกัน เช่น ถ้ายอมรับค่านิยมร่ วมว่าการทางานเป็นสิ่ งมีคุ ณค่ายิ่ งเห็น
สมาชิกในองค์ การยึดมั่นในค่านิยม และมุ่งมั่นทางานเป็นประจาก็ จะยิ่งเพิ่มเจต
คติ ในเชิงบวกต่อค่านิยมการทางานมากขึ้น การเพิ่มค่านิยมให้มีปริมาณมาก ๆ จะ
ทาให้คนเกิดความทะยานอยากที่ จะมีพฤติกรรมไปในทิ ศทางเดียวกันกับค่ านิยม
ร่วมมากขึ้ นตามไป
ความต้องการของบุคคลเป็ นบ่อเกิดของแรงจูงใจจะทาให้บุคคลมี พฤติกรรมการทางานไปใน
ทิศทางบวกหรือลบก็ได้ ตามปกติแรงจูงใจจะมีอยู่ ๓ ประเภท คือ ทางสรีระ ทางสังคม ทางจิตวิทยา
(รวมจิตใต้สานึกด้วย) การวัดแรงจูงใจเป็ นสิ่งจาเป็นอันดับแรกเพื่อทราบว่ ามีระดับแรงจู งใจอยู่ในระดับ
ใด และสามารถเชื่อมโยงไปถึงความต้องการของบุคคล ดังนั้นการสร้างแรงจูงใจของบุคคลจึงมีขั้นตอน
ที่สาคัญ๖ ขั้นตอน คือ
๑) รู้ความต้องการของบุคคล
๒) สร้างความพึงพอใจในงาน
๓) สร้างขวัญในการทางาน
๔) การสร้างค่านิยมร่วม
๕) การสนองความต้องการทางด้านสรีระ
๖) การเสริ มสร้างพลังอานาจให้แก่บุคคลในองค์ การ