sp104 - page 53

บทที่
๔ องค์
ความรู้
ด้
านค่
านิ
ยมไทยในทรรศนะของผู้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
:: ๔๕
เสื้
อแบบไทยตั
วบางๆ ตั
วนึ
งก็
ไม่
ได้
อี
กอะไรต่
างๆ นี้
เหมื
อนนี่
ก็
เป็
นเรื่
องของสั
งคมต่
างๆ บางเรื่
องราวก็
อาจแยกแยะได้
แต่
บางเรื่
องบางราวมั
นก็
แยกแยะไม่
ได้
คื
อต้
องเป็
นไปตามที่
โบราณว่
าเข้
าเมื
องตาหลิ่
ต้
องหลิ่
วตาตามเขาไปด้
วย
บางเรื่
องบางราวก็
จาเป็
นแต่
ถ้
าหากว่
าไม่
จาเป็
นที่
จะต้
องทาหรื
อว่
าอะไรที่
มั
นถู
กต้
องเหมาะสม
โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งในประเทศไทยอะไรที่
มั
นเป็
นไทยที่
ดี
งาม เช่
น การเคารพเชื่
อฟั
งหรื
อการให้
เกี
ยรติ
แก่
ผู้
ที่
มี
อาวุ
โสสู
งกว่
ามั
นก็
เป็
นค่
านิ
ยมเดิ
มที่
ทากั
นอย่
างนั้
น เจอผู้
ใหญ่
ต้
องยกมื
อไหว้
เด็
กเดี๋
ยวนี้
เจอ
ผู้
ใหญ่
ไม่
สนใจแม้
กระทั่
งนิ
สิ
ตนั
กศึ
กษาเจอครู
บาอาจารย์
ยั
งเดิ
นแทบจะชนอาจารย์
นี่
มั
นเป็
นค่
านิ
ยม
ตามแบบต่
างประเทศซึ่
งผู้
ที่
มี
ความอาวุ
โสเราจะต้
องให้
ความเคารพนั
บถื
อแทบจะไม่
เหลื
อแล้
วกั
บเด็
รุ่
นใหม่
ๆ แต่
ก็
ยั
งมี
บ้
างที่
ได้
รั
บการอบรมจากพ่
อแม่
ที่
ดี
ถ้
าหากว่
าดู
ตามที่
เห็
นแล้
วพวกเด็
กรุ่
นใหม่
ๆ ไม่
ค่
อยคิ
ดถึ
งเรื่
องการเชื่
อฟั
งหรื
อว่
าการให้
เกี
ยรติ
หรื
อว่
าการเคารพผู้
ใหญ่
เนื่
องจากประเทศเราก็
เป็
ประเทศประชาธิ
ปไตยอะไรๆ ก็
เป็
นประชาธิ
ปไตยไปหมด ทั้
งๆ ที่
ว่
าในสมั
ยเดิ
มจริ
งๆ ของเรามั
นไม่
ใช่
อย่
างนั้
น ประชาธิ
ปไตยมั
นก็
ต้
องมี
ขอบเขตจากั
ดเหมื
อนกั
นนี่
จะเห็
นว่
าไม่
ค่
อยมี
ขอบเขตจากั
ดในการคิ
ว่
าเป็
นประชาธิ
ปไตย นี่
ต้
องพึ
งระวั
งไว้
สาหรั
บเด็
กรุ่
นใหม่
ๆ ค่
านิ
ยมมั
นเปลี่
ยนไป บางที
บางเรื่
องราวมั
ก็
ดี
แต่
ว่
าบางเรื่
องราวที่
มั
นไม่
ดี
ก็
ต้
องชี้
นาโดยเฉพาะเป็
นผู้
ใหญ่
ก็
อาจจะต้
องชี้
แนะให้
เห็
น โดยเฉพาะครู
บาอาจารย์
ว่
าอะไรดี
อะไรเลว อะไรที่
มั
นถื
อว่
าเป็
นค่
านิ
ยมที่
ดี
ของใหม่
ทาใหม่
ดี
ขึ้
นมั
นก็
ทาได้
แต่
ค่
านิ
ยมโดยเฉพาะประเทศไทยที่
มี
ดี
ๆ อยู่
แล้
วมั
นก็
ควรจะต้
องรั
กษาเอาไว้
ด้
วย เช่
น เรื่
องอิ
ทธิ
บาท4
พรหมวิ
หาร 4 เมตตา กรุ
ฯ มุ
ทิ
ตา อุ
เบกขา โบราณเขาว่
าไว้
อย่
างนั้
นมั
นก็
ต้
องปฏิ
บั
ติ
ตามธรรมของ
พระพุ
ทธองค์
ที่
บ้
านเมื
องเราเป็
นชาวพุ
ทธ ถ้
าหากว่
าทุ
กคนยึ
ดมั่
นในเรื่
องของพระพุ
ทธศาสนาเรื่
องธรรม
ของพรระพุ
ทธเจ้
าบ้
านเมื
องก็
จะดี
ขึ้
น ค่
านิ
ยมต่
างๆ ที่
ว่
ามานี้
มั
นก็
ต้
องแยกแยะให้
ดี
อั
นไหนที่
ดี
อั
นไหน
ที่
ไม่
ดี
ก็
ต้
องแยกกั
นให้
ชั
ดเจน อั
นที่
ไม่
ดี
เราไม่
ส่
งเสริ
ม มาสนั
บสนุ
นว่
ามั
นเป็
นค่
านิ
ยมถึ
งแม้
ว่
าคนหมู่
มาก
จะเห็
นว่
ามั
นดี
แต่
ถ้
าเราพิ
จารณาแล้
วว่
ามั
นไม่
สมควรเราก็
ไม่
ต้
องทา ให้
คนส่
วนมากเขาทาเราก็
ไม่
จาเป็
นต้
องทาตาม อั
นไหนที่
เราเห็
นว่
าดี
แล้
วก็
ช่
วยรั
กษาหรื
อช่
วยทานุ
บารุ
งศิ
ลปวั
ฒนธรรมประเพณี
ต่
างๆ ที่
มั
นเป็
นค่
านิ
ยมเดิ
มก็
ควรจะรั
กษาไว้
แต่
สุ
ดท้
ายก็
คิ
ดว่
าการเปลี่
ยนแปลงสั
งคมของบ้
านเรานี่
มั
เป็
นไปด้
วยความรวดเร็
วเพราะอย่
างนั้
นมั
นก็
ขึ้
นอยู่
กั
บเรื่
องของการศึ
กษาของอนุ
ชน ของครู
บาอาจารย์
และของรั
ฐบาลด้
วยที่
จะต้
องส่
งเสริ
มเรื่
องพวกค่
านิ
ยมต่
างๆ นี่
ต้
องถู
กเรื่
องถู
กราว
การพั
ฒนาค่
านิ
ยมของสั
งคมไทยย่
อมขึ้
นอยู่
กั
บการกาหนดค่
านิ
ยมร่
วมก่
อนว่
าค่
านิ
ยมใดเป็
ค่
านิ
ยมที่
พึ
งปรารถนาของสั
งคมไทย จากนั้
นควรมี
ปลู
กฝั
งค่
านิ
ยมดั
งกล่
าวตั้
งแต่
ระดั
บบุ
คคล ระดั
ครอบครั
ว แล้
วขยายให้
เป็
นระดั
บสั
งคมในที่
สุ
ด และแนวทางการส่
งเสริ
มค่
านิ
ยมของสั
งคมไทยสามารถ
ดาเนิ
นการได้
ด้
วยการดาเนิ
นการดั
งต่
อไปนี้
๑)
การสั่
งสอน อบรม ในระดั
บต่
างๆ เช่
น ระดั
บครอบครั
ว การศึ
กษาในทุ
กระดั
บ และระดั
สั
งคม (socialization)
๒)
ปลู
กฝั
งผ่
านทางสื่
อต่
างๆ เช่
น ละครที
วี
บทความ เพลง เป็
นต้
1...,43,44,45,46,47,48,49,50,51,52 54,55,56,57,58,59,60,61,62,63,...216
Powered by FlippingBook