ne189 - page 24

๑๕
ช่
วยเหลื
อเกื้
อกู
ลพึ่
งพาอาศั
ยซึ่
งกั
นและกั
น และยั
งสามารถรั
กษาแบบแผนการดํ
ารงชี
วิ
ตแบบเดิ
มบาง
ด้
านไว้
ได้
ท่
ามกลางกระแสการเปลี่
ยนแปลงที่
เกิ
ดจากกระบวนการพั
ฒนาและความทั
นสมั
ยและ
Sproule (1996) กล่
าวว่
า ชุ
มชนเป็
นกลุ่
มของประชาชนที่
อาศั
ยอยู่
ในเขตพื้
นที่
ทางภู
มิ
ศาสตร์
เดี
ยวกั
ซึ่
งมี
ส่
วนเกี่
ยวพั
นกั
นทางสายเลื
อดหรื
อการสมรส หรื
ออาจจะมี
การนั
บถื
อศาสนา อยู่
ในกลุ่
มทาง
การเมื
อง ชนชั้
น หรื
อเป็
นเพื่
อนฝู
งในวงสั
งคมเดี
ยวกั
นก็
ได้
สอดคล้
องกั
บประเวศ วะสี
(๒๕๓๕ ) ที่
กล่
าวว่
า ชุ
มชนหมายถึ
ง การรวมตั
วของกลุ่
มชนที่
มี
วั
ตถุ
ประสงค์
ร่
วมกั
นอาจเป็
นการรวมตั
วกั
นตาม
พื้
นที่
หรื
อไม่
ใช่
พื้
นที่
ก็
ได้
สมาชิ
กของชุ
มชนมี
การติ
ดต่
อสื่
อสารกั
น มี
ความเอื้
ออาทรต่
อกั
น มี
การกระทํ
กิ
จกรรมร่
วมกั
น มี
การเรี
ยนรู้
ของชุ
มชน มี
องค์
กรชุ
มชนหรื
อองค์
กรชาวบ้
าน องค์
กรชุ
มชนไม่
ใช่
สภา
ตํ
าบล สภาตํ
าบลเป็
นองค์
กรการปกครอง องค์
กรชุ
มชนเป็
นองค์
กรการจั
ดการของชาวบ้
าน ส่
งเสริ
มให้
ชุ
มชนจั
ดการเรื่
องของตั
วเองให้
มากที่
สุ
ด รวมทั้
งการจั
ดการป่
าไม้
และทรั
พยากรท้
องถิ่
นอื่
นๆ ให้
ชุ
มชน
เชื่
อมโยงกั
นเป็
นเครื
อข่
าย
๓.๒ การบริ
หารจั
ดการท่
องเที่
ยวของชุ
มชนท้
องถิ่
ความพร้
อมของชุ
มชน เป็
นศั
กยภาพของชุ
มชนที่
จะมี
ส่
วนร่
วมในการจั
ดการการท่
องเที่
ยว
จํ
าเป็
นต้
องมี
ความพร้
อม ดั
งนี้
๑. การมี
ทรั
พยากรการท่
องเที่
ยวที่
เกี่
ยวเนื่
องกั
บระบบนิ
เวศ ได้
แก่
ลั
กษณะชุ
มชนซึ่
งได้
ภายใน
หรื
อโดยรอบชุ
มชนอั
นเป็
นทรั
พยากรที่
มี
ระบบนิ
เวศเด่
นชั
ดหรื
อสั
มพั
นธ์
กั
บชุ
มชนทั้
งในด้
านการใช้
ประโยชน์
และการสงวนรั
กษาไว้
โดยชุ
มชน
๒. การมี
องค์
กรชุ
มชนหรื
อกลุ่
มบุ
คคลในชุ
มชนที่
สนใจในการจั
ดการการท่
องเที่
ยวเชิ
งอนุ
รั
กษ์
ควบคู่
หรื
อคู่
ขนานไปกั
บการจั
ดการชุ
มชนในด้
านอื่
นๆ
๓. การประสานงานหรื
อปฏิ
สั
มพั
นธ์
ทั้
งภายในและภายนอกทั้
งในด้
านวิ
ชาการการอนุ
รั
กษ์
การ
ท่
องเที่
ยว การศึ
กษา และการสาธารณสุ
ข ซึ่
งก่
อให้
เกิ
ดการสร้
างความรั
บรู้
การเรี
ยนรู้
การพั
ฒนา
ศั
กดิ์
ศรี
ของชุ
มชน ( สถาบั
นวิ
จั
ยวิ
ทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
แห่
งประเทศไทย,๒๕๔๑ : ๒ -๔๘ ) กล่
าว
ว่
า ชุ
มชนจะดํ
าเนิ
นการอย่
างมี
ประสิ
ทธิ
ผล และแสดงถึ
งการมี
ส่
วนร่
วมของประชาชนอย่
างกว้
างขวางก็
ต่
อเมื่
อจั
ดตั้
งขึ้
นบนฐานของรู
ปแบบที่
เหมาะสมบนพื้
นฐานของการช่
วยเหลื
อตนเอง และจะต้
อง
ดํ
าเนิ
นการโดยมี
หลั
กการพิ
จารณา ๓ ประการ คื
อ สมาชิ
กต้
องสามารถที่
จะเข้
าร่
วมอย่
างเต็
มที่
ในการ
พยายามดํ
าเนิ
นการพั
ฒนา และสมาชิ
กต้
องสามารถที่
จะแบ่
งปั
นประโยชน์
จากการพั
ฒนาอย่
าง
ยุ
ติ
ธรรม
1...,14,15,16,17,18,19,20,21,22,23 25,26,27,28,29,30,31,32,33,34,...89
Powered by FlippingBook