3
สภาพแวดล้
อมบนเกาะลั
นตาอุ
ดมสมบู
รณ์
ไปด้
วยทรั
พยากรธรรมชาติ
มี
ป่
าไม้
เบญจพรรณ
เป็
นที
่
พั
กพิ
งของสั
ตว์
ป่
า มี
แหล่
งนํ
้
าจื
ดทั
้
งจากแหล่
งนํ
้
าใต้
ดิ
นและนํ
้
าตกที
่
ไหลลงมาจากต้
นนํ
้
า
บนภู
เขาสู
งใหญ่
ที่
วางทั
บซ้
อนเชื่
อมต่
อกั
บที่
ราบชายฝั่
งทะเลซึ
่
งเป็
นเขตพื
้
นที่
ป่
าชายเลนบางช่
วงมี
หาด
ทรายและอ่
าวจอดเรื
อที่
สามารถกํ
าบั
งคลื่
นลมได้
ดี
สภาพที่
ตั
้
งของเกาะลั
นตาซึ
่
งเป็
นส่
วนหนึ
่
งของคาบสมุ
ทรมลายู
มี
ระบบนิ
เวศที่
สมบู
รณ์
เนื่
องจากได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจากลมมรสุ
มที่
สํ
าคั
ญ คื
อลมมรสุ
มตะวั
นตกเฉี
ยงใต้
และลมมรสุ
ม
ตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อ ในอดี
ตชายฝั่
งทะเลบริ
เวณอ่
าวลั
นตาเป็
นแหล่
งอาหารทะเลที่
อุ
ดมสมบู
รณ์
และ
หลากหลายชายฝั่
งด้
านตะวั
นออกของเกาะเป็
นป่
าชายเลนที่
ค่
อนข้
างสมบู
รณ์
ในอดี
ตเป็
นแหล่
งผลิ
ต
ถ่
านไม้
โกงกางเป็
นสิ
นค้
าหลั
กที
่
มี
มู
ลค่
าทางเศรษฐกิ
จ เพื
่
อส่
งออกไปขายที
่
ปี
นั
งและสิ
งคโปร์
นอกจากนั
้
นยั
งมี
ชั
นและนํ
้
ามั
นยางเป็
นสิ
นค้
าที่
ทํ
ารายได้
ให้
กั
บท้
องถิ่
น เช่
นกั
น
ด้
วยความอุ
ดมสมบู
รณ์
ดั
งกล่
าวเกาะลั
นตาจึ
งเป็
นศู
นย์
รวมของประชากรที่
มี
ความ
หลากหลายทางวั
ฒนธรรมเข้
ามาตั
้
งถิ่
นฐานอยู
่
ร่
วมกั
นถึ
ง 4กลุ
่
มชาติ
พั
นธุ
์
ได้
แก่
ชาวเลอู
รั
กลาโว้
ย
ชาวมุ
สลิ
มชาวจี
นและชาวไทย
ชาวเลอู
รั
กลาโว้
ย
เรี
ยกตั
วเองสั
้
นๆว่
า“ลาโว้
ย”ชาวเลมอแกนหมู
่
เกาะสุ
ริ
นทร์
เรี
ยกพวกเขาว่
า
“โอรั
งลอนตา” คนทั
่
วไปเรี
ยกว่
า “ชาวเล” พวกเขาไม่
ชอบให้
เรี
ยกว่
า “ชาวนํ
้
า”ปั
จจุ
บั
นบางกลุ่
ม
เรี
ยกกั
นว่
า“ชาวไทยใหม่
” เป็
นกลุ่
มชาติ
พั
นธุ
์
ที่
อาศั
ยเรื
อเป็
นบ้
านเกิ
ด เป็
นยานพาหนะสํ
าหรั
บออกไป
ล่
าสั
ตว์
ทะเลเป็
นอาหารเพื่
อยั
งชี
พและเป็
นเรื
อนตาย นั
บถื
อวิ
ญญาณบรรพบุ
รุ
ษ มี
ภาษาและ
วั
ฒนธรรมเป็
นของตนเองไม่
ทราบแน่
ชั
ดว่
าในอดี
ตบรรพบุ
รุ
ษของพวกเขาเป็
นใครมาจากไหนและ
จะเป็
นกลุ่
มเดี
ยวกั
บโอรั
งลอนตาที่
เรี
ยกกั
นในอดี
ตหรื
อไม่
สั
นนิ
ษฐานกั
นว่
าเมื่
อประมาณ500-600 ปี
ที่
ผ่
านมาชาวเลอู
รั
กลาโว้
ยเคยมี
ถิ่
นฐานเร่
ร่
อนอยู
่
ในน่
านนํ
้
าไม่
ไกลจากบริ
เวณเทื
อกเขา “ฆู
นุ
งฌึ
รั
ย”
1
ในรั
ฐเกดะห์
หรื
อไทรบุ
รี
ซึ
่
งในอดี
ตอยู
่
ในเขตการปกครองของสยาม (อาภรณ์
อุ
กฤษณ์
. 2532 :13)
แล้
วเข้
ามาแวะพั
กอาศั
ยในน่
านนํ
้
าไทยตลอดแนวชายฝั่
งทะเลอั
นดามั
นในช่
วงฤดู
มรสุ
ม เพื่
อหลบ
พายุ
ลมฝนหลบภั
ยจากการสู
้
รบ เสาะหาแหล่
งอาหารและนํ
้
าจื
ดสํ
าหรั
บยั
งชี
พนั
บตั
้
งแต่
เกาะหลี
เป๊
ะ
เกาะอาดั
งขึ
้
นมาจนถึ
งเกาะลั
นตาและเกาะภู
เก็
ต
ชาวมุ
สลิ
ม
ชาวบ้
านเรี
ยกกั
นเองว่
า“คนแขก” เดิ
มคื
อกลุ่
มมลายู
-สยามกลุ่
มชาติ
พั
นธุ
์
ที่
มี
ภาษา
วั
ฒนธรรมความเชื่
อประเพณี
พิ
ธี
กรรมต่
างๆที่
เป็
นอั
ตลั
กษณ์
เฉพาะกลุ่
มแต่
ส่
วนใหญ่
จะพู
ดภาษาไทย
เนื่
องจากเป็
นกลุ่
มชนมลายู
ที่
เคยอาศั
ยในเขตครอบครองของสยามทางภาคใต้
ตั
้
งแต่
เขตจั
งหวั
ดสตู
ล
1
เทื
อกเขาที่
กล่
าวถึ
งในบทเพลง “ลาจั
ง”ที่
ใช้
ในพิ
ธี
ลอยเรื
อซึ
่
งชาวเลเชื่
อว่
าเป็
นถิ่
นฐานเดิ
มที่
พวก
เขาจะต้
องส่
งวิ
ญญาณบรรพบุ
รุ
ษกลั
บไปพร้
อมกั
บเรื
อลาจั
ง