sp104 - page 123

บทที่ ๖ สรุ ป อภิปรายและข้อเสนอแนะ :: ๑๑๕
เชื่อที่คอยควบคุมแนวคิดตามแนวทางที่ บรรพบุรุษให้หวั่ นไหว เพราะฉะนั้น เราถาม ปฏิเสธได้ ไหมเรา
ยังมี ความเชื่ อที่ มีวิ ทยาศาสตร์ เป็ นเกณฑ์ของเราอยู่ แล้ววิ ทยาศาสตร์อยู่กั บเราแล้ วเราให้น้าหนั ก
อย่างไหน กฎเกณฑ์ประพฤติดี ชั่ว แต่วิทยาศาสตร์ ไม่เคยพูดเรื่องความดีความชั่ว วิทยาศาสตร์ พูดถึ ง
สิ่งที่จับต้องได้ แล้วทดสอบด้วยการทดลอง สองขั้วมาด้วยกันนะ เพราะฉะนั้ นค่านิยมของไทยก็คือ สิ่ง
ที่คนไทยเห็นว่ ามีคุ ณค่า เมื่ อเห็นว่ ามีคุ ณค่าแต่ ละยุคอุ ดมการณ์ของสังคมประเมิ น วางแนวทางว่า
สังคมมี อุดมการณ์อย่ างไร อุดมการณ์นั้นจะชี้ลั กษณะของการมีคุ ณค่า ความจริ ง อะไรคือความจริง
วิ ทยาศาสตร์เขาบอกคือความจริ งแต่แล้ วก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะว่าสมมติฐานในการใช้ และการ
ทดลองมันเปลี่ยนไป เพราะวิธี มันเปลี่ ยนไป เพราะฉะนั้นความจริง ก็บอกว่ าค่านิยมของไทยมันไม่
ตายตัว เราจะจับค่านิยมไทยเราจะต้องดูตามประวัติศาสตร์ว่าแต่ ละประวัติศาสตร์ เขามีอุดมการณ์ของ
สังคมแกนรวมอะไร อย่างไร แล้วสมาชิกในสั งคมร่วมกั นรับอุ ดมการณ์นั้นแล้ วสมาชิกของสังคมเกิด
ค่านิยมที่สอดคล้ องกับอุดมการณ์ อย่างไร แล้วอุดมการณ์ของสั งคมมันมีความเชื่ อที่มาจากศาสนาที่มี
อิทธิพล นอกจากนั้ นก็เรื่องการจั ดการของประเทศ สองตัวหลั กๆ หนึ่ง ศาสนจั กร กับอาณาจั กร
แล้ วศาสนจั กรและอาณาจักร ยุ คไหนอยู่ด้วยกั นอย่างประณีประนอม อยู่ได้ อย่ างสมดุ ลย์ ยุ คไหน
ศาสนจักร กับอาณาจักร อาณาจักคือการเมือง ก็คือการวางกฏเกณฑ์วางให้ สังคมอยู่ ร่วมกันอย่ างมี
ความสุ ขมีการจัดสรรทรั พยากร สมัยก่ อนคนนี้ต้ องได้เท่านี้ แต่ ตอนนี้สังคมมันเปลี่ ยนไปแล้ว ลัทธิ
ตะวั นตกมันเข้ามาสร้างค่ านิ ยมอั นหนึ่งก็ คื อสิทธิความเป็นมนุษย์ เท่าเที ยมกัน ไปจับดูสิ ว่ามั นอยู่
ตรงไหน มันผสมกันมาก สลับซับซ้อน มันเป็นผลปรากฏอะไรตรงนั้ น เรานั่งอยู่ตรงนี้เรามีค่านิยมอะไร
พออะไรไปแย่งขึ้นรถเมล์ เรามีค่ านิยมพฤติกรรมอะไรที่ ต้องช่วงชิ งกัน แต่อยู่ ตรงนี้อยู่แบบค่ านิยม
ญาติ พี่น้องเราก็มี อยู่แบบรักกันสามัคคีกัน แต่พอหลุดไปการงานแย่งตาแหน่งกันแล้ว ที่ดี แล้วอะไรที่
คิดว่าดี
พอพูดถึงตรงนี้ความมีน้าใจคือการพยายามจะใช่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของตนเองให้ แก่ผู้อื่น
แล้ วค่านิยมของคนไทยทาไมต้ องมี แนวคิดหรือความรู้สึกนึ กคิดขึ้นมาของบุคคลนั้ น แต่ถ้ าความมี
น้าใจถ้าเรารู้ว่ ามันมีประโยชน์มั นก็จะนาพาประเทศไทย เหนือกว่าชาติ อื่นๆ แต่ว่าจะต้องมี ปัจจัยอื่นมา
เสริม แต่ความมี น้าใจเป็ นค่านิยมของคนไทย ไม่รู้อะไรว่ามาอย่างนี้เพราะอะไร แต่ว่ าคนต่ างชาติเห็ น
แล้วคนต่ างชาติเขาเห็นแล้ วชอบใจ เพราะฉะนั้นความมีน้าใจลึกๆ มั นมาจากแนวคิดทางศาสนาคือ
พรมวิหาร ๔ แล้วคนสะสมมาอย่างนี้ มาจากพรมวิหาร ๔ แต่ไม่รู้ตั ว ไปเห็นคนเฒ่าคนแก่ ช่วยเหลือกั น
เอื้อเฟื้ อเผื่อแผ่ กัน ตรงนี้มันกลายเป็นพฤติ กรรมของสังคมไทยที่ ได้รั บค่านิยมที่อดี ตสั่งสมกันเอาไว้ อัน
นี้เล่ าเป็นนิทาน อาจารย์ไปคุยกับอาจารย์ สมชัย อาจารย์แกนับถือมาก แกเปิดศูนย์ไทยญวนที่เสาไห้
แกก็เล่าให้ ฟั งว่า ตอนนั้ นแกเป็ นนักบริหารแล้ วแกก็มาปกครองลูกน้ องนักเรี ยนนั กศึกษามันก็ แตก
สามัคคี แกก็ไปหาหลวงพ่อองค์หนึ่ง หลวงพ่อบอกว่ า คุณนะมีแต่เมตตาคนอื่น แต่ไม่ เมตตาตัวเองจะ
ช่วยคนอื่ น แต่ไม่เมตตาตนเองบ้าง แบบนี้เพราะปฏิบัติ มา หลวงพ่อต่างๆ ที่เป็นเกจิอาจารย์ ที่ในสังคม
ยึด ถ้าสั งคมทะเลาะเขาจะมีคาคมที่ ที่ ตัวเองเห็นมาพูด ได้แต่ ไปเมตตาคนอื่นไม่สงสารตัวเองหรือ ถึง
ครั้นวุ่ นๆ อุเบกขา ๔ ตัวนี้ที่เป็ นคาสอนแต่มาถึงนี้แล้วมาถึ งอุดมการณ์ดีแล้ว ทาดี ได้ดี ทาชั่วได้ชั่ว มัน