sp104 - page 122

บทที่ ๖ สรุ ป อภิปรายและข้อเสนอแนะ :: ๑๑๔
๓. ค่านิ ยมความหลงใหลเชื่อถื อวิทยาศาสตร์ ยึดติดวัตถุ นิยมหลงลืมกับวิถีชี วิตกับธรรมชาติ
ในยุคนี้เป็ นยุค ของสังคมที่มี ความเจริญก้ าวล้าในด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ เป็นยุคที่ คนไทยมี
ค่ านิ ยมเชื่อถื อหลั กการทางวิ ทยาศาสตร์ แสวงหาสิ่งอานวยความสะดวกต่ างๆ ละเลยการให้
ความสาคัญของภูมิ ปัญญาท้องถิ่นและจิตวิญญาณที่สูงส่งละกิเลสตัณหาไม่ยึดติ ดยึดกับวั ตถุ
ค่ านิยมดังกล่าวเป็ นผลมาจากโลกทัศน์ที่ยึดประเทศตะวั นตกเป็นศูนย์กลางแนวคิดเรื่องการ
สร้างความทันสมัย หลักคิ ดที่ใช้วิทยาศาสตร์พิชิตธรรมชาติ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันไร้ที่สิ้ นสุด
ความเติ บโตของเศรษฐกิจที่ไร้ขีดจากั ด ค่านิยมการแข่งขัน ฯลฯทั้งที่เราอิทธิพลด้านวัฒนธรรมและคุ ณ
ค่าที่มั่ งคั่ง (ประชา หุ ตานุวัตร, ๒๕๔๗)
ทัศนะค่านิ ยมให้ความสาคัญกับกระบวนทัศน์การพั ฒนาแบบวิทยาศาสตร์ก่อให้ เกิดผลเสี ย
ตามมามากมาย และนักวิชาการบางกลุ่มมองว่า เป็นทิศทางแห่งหายนะของมนุ ษยชาติ เป็นโลกแห่ ง
การบริโภค เป็นโลกซึ่งเศรษฐกิจ ตลาดเสรี เข้าไปทาลายทรัพยากรสภาพแวดล้ อมไปทั่วโลก เป็นโลก
ซึ่งเทคโนโลยีจะเข้ามาครอบคลุ มทุกสิ่งทุกอย่างในชี วิ ตมนุษย์ในยุ คปัจจุ บัน พลังความก้ าวหน้าของ
มนุษย์ ซึ่ งอยู่ในรูปเทคโนโลยี ไม่ ได้เติบโตเพื่อตอบสนองต่อชีวิ ตมนุษย์อี กต่อไป แต่เป็ นการตอบสนอง
ต่ อสั ญชาติญาณความก้าวหน้ าของมนุษย์เทคโนโลยี จึงกลายเป็ นไปเพื่อเทคโนโลยีเองไม่ใช่ เพื่ อตัว
มนุษย์ มั นหลอกให้มนุ ษย์พึงพอใจกับสินค้าที่มนุษย์ผลิตขึ้ นมา แทนที่จะใช้วิธี โดยตรงเช่นสมัยก่อน มัน
กลับใช้เล่ห์เหลี่ยมอ้ อมมาข้างนอก หลอกลวงพลังแห่งความปรารถนาของเราให้ หมกมุ่นอยู่แต่การเสพ
สินค้า (ธีรยุทธ บุ ญมี, ๒๕๕๐)
แนวคิ ดค่านิ ยมในประเด็ นดังกล่ าวตรงกับที่ ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวไว้ว่ า กระแสโลกาภิ วั ฒน์
วิทยาศาสตร์นี้เป็นกระแสความเข้าใจ หรือเข้ าใจสภาพสรรพสิ่ง แล้วยอมรั บวิทยาศาสตร์ อันนี้เป็นของ
จริงเป็นของที่ตายตัว แล้วสังคมไทยในสมัยก่อนมองอุดมการณ์ในสังคม ไปในแนวทางที่มี อิทธิพลทาง
ความเชื่อทางศาสนาอยู่ เบื้ องหลัง พอความเชื่ออยู่ เบื้องหลั งแล้ว จะมองสรรพสิ่ งและทรั พยากร
สอดคล้องกับคติความเชื่ อ พอวิทยาศาสตร์ เข้ามามั นก็มาล้มล้างความเชื่อที่คอยควบคุ มแนวคิดตาม
แนวทางที่บรรพบุรุษให้หวั่ นไหว เพราะฉะนั้น เราถาม ปฏิเสธได้ ไหมเรายังมีความเชื่อที่มี วิทยาศาสตร์
เป็นเกณฑ์ของเราอยู่ แล้ ววิทยาศาสตร์อยู่ กับเราแล้ วเราให้น้าหนักอย่ างไหน กฎเกณฑ์ประพฤติดีชั่ว
แต่วิ ทยาศาสตร์ไม่ เคยพูดเรื่องความดีความชั่ว วิทยาศาสตร์ พูดถึ งสิ่งที่จับต้ องได้ แล้ วทดสอบด้วยการ
ทดลอง สองขั้ วมาด้วยกันนะ เพราะฉะนั้นค่านิยมของไทยก็คือ สิ่ งที่คนไทยเห็ นว่ามีคุณค่า เมื่ อเห็ นว่ า
มีคุ ณค่าแต่ ละยุคอุดมการณ์ของสังคมประเมิน วางแนวทางว่าสังคมมีอุดมการณ์อย่างไร อุดมการณ์ นั้น
จะชี้ลักษณะของการมีคุณค่า
กระแสโลกาภิวัฒน์ วิทยาศาสตร์นี้เป็นกระแสความเข้าใจ หรือเข้าใจสภาพสรรพสิ่ ง แล้ว
ยอมรั บวิทยาศาสตร์ อันนี้เป็นของจริงเป็ นของที่ตายตั ว แล้วสังคมไทยในสมั ยก่อนมองอุ ดมการณ์ใน
สังคม ไปในแนวทางที่มี อิทธิ ทางความเชื่อทางศาสนาอยู่เบื้องหลัง พอความเชื่ ออยู่เบื้ องหลังแล้วเนี้ย
จะมองสรรพสิ่งและทรั พยากรสอดคล้องกับคติความเชื่อ พอวิ ทยาศาสตร์เข้ามามั นก็มาล้มล้างความ