sp104 - page 121

บทที่
๖ สรุ
ป อภิ
ปรายและข้
อเสนอแนะ :: ๑๑๓
โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งคนรุ่
นใหม่
ในสั
งคมปั
จจุ
บั
น มี
ค่
านิ
ยมรั
กสนุ
ก รั
กการใช้
ชี
วิ
ตอิ
สระ อาจเป็
เพราะสั
งคมที่
มี
ความเจริ
ญก้
าวหน้
าทางวั
ตถุ
มี
เครื่
องทุ่
นแรงและสิ่
งต่
างๆที่
พ้
อมอานวยความสะดวก
สบาย ประกอบกั
บทรั
พย์
สมบั
ติ
ที่
คนรุ่
นก่
อนได้
ทุ่
มเทแรงงานสั่
งสม หล่
อเลี้
ยงออกดอดออกผลจนเฟื่
อง
ฟู
ทาให้
คนรุ่
นใหม่
อยู่
สุ
ขสบาย ปลดปล่
อยตนเองจากภาระอั
นหนั
กอึ้
งส่
งผลให้
สั
งคมยุ
คใหม่
เป็
นสั
งคมที่
มี
โครงสร้
างค่
อนข้
างหละหลวม ยื
ดหยุ่
นไม่
ยั
ดกฎระเบี
ยบมากนั
ก ซึ่
งเป็
นเรื่
องธรรมชาติ
ของการสั่
งสม
ประสบการณ์
ความคิ
ดความเชื่
อที่
ปรั
บเปลี่
ยนตามสภาพแวดล้
อม ตรงกั
บแนวคิ
ดของ Rokeach ที่
ให้
ทั
ศนะว่
ค่
านิ
ยมเกิ
ดจากความเชื่
อ ซึ่
งความเชื่
อนั้
น แบ่
งเป็
น ๓ ประเภท คื
อประเภทแรก เป็
นความ
เชื่
อแบบพรรณนาสถานการณ์
(Descriptive or Existential Beliefs) ซึ่
งเป็
นความเชื่
อที่
ถู
กทดสอบได้
จริ
ง หรื
อเท็
จเช่
นฉั
นเชื่
อว่
าข้
างนอกฝนกาลั
งตก ประการที่
สอง คื
อ ความเชื่
อแบบประเมิ
นสถานการณ์
(Evaluation Beliefs) ซึ่
งเป็
นความเชื่
อที่
ประเมิ
นสถานการณ์
ต่
างๆ ว่
าดี
หรื
อไม่
ดี
เช่
น ฉั
นเชื่
อว่
าการ
ออกกาลั
งกายเป็
นประโยชน์
ต่
อสุ
ขภาพ ประเภทที่
สาม เป็
นความเชื่
อแบบพรรณนากาหนด
(Descriptive or Perspective) เป็
นความเชื่
อที่
บ่
งบอกถึ
งวิ
ถี
ทางปฏิ
บั
ติ
(Means of Action) หรื
จุ
ดหมายปลายทาง (End of Action) อั
นเป็
นที่
ปรารถนาด้
วยเป็
นความเชื่
อที่
มี
ทิ
ศทางและเป้
าหมาย
ของการกระทามากกว่
าเชื่
ออี
ก ๒ ชนิ
ดแรก
นอกจากนี้
แล้
วตามความคิ
ดเห็
นของ Rokeach ค่
านิ
ยมมี
องค์
ประกอบสาคั
ญอี
ก ๓ ประเภท
คื
๑.
ค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะเป็
นความระลึ
กรู้
(Cognitive) ในความหมายที่
ว่
าบุ
คคลหนึ่
งรู้
ในทางที่
ถู
กต้
องของพฤติ
หรื
อรั
บรู้
ในเปาหมายที่
ถู
กในชี
วิ
ตของเขา
๒.
ค่
านิ
ยมมี
ลั
กษณะเป็
นความรู้
สึ
กสั
มพั
นธ์
(Affection) ในความหมายที่
บุ
คคลนั้
นมี
อารมณ์
อ่
อนไหวเกี่
ยวข้
องกั
บค่
านิ
ยมนั้
นๆคื
อ ชอบเห็
นด้
วย สนั
บสนุ
น ค่
านิ
ยมหนึ่
หรื
อเกลี
ยด ไม่
เห็
นด้
วย คั
ดค้
าน หรื
อค่
านิ
ยมอี
กอย่
างหนึ่
๓.
ค่
านิ
ยมเป็
นองค์
ประกอบของพฤติ
กรรม (Behavioral) ในความหมายที่
เป็
นตั
แทรกซ้
อนที่
นาไปสู่
พฤติ
กรรมเมื่
อถู
กกระตุ้
นให้
เกิ
ดการกระทาขึ้
น (Rokeach,
๑๙๗๓)
ดั
งนั้
นหากเราต้
องการสร้
าง สั
งคมที่
มี
กฎระเบี
ยบวิ
นั
ย มุ่
งสร้
างสรรค์
ความก้
าวหน้
าทางาน
อย่
างจริ
งจั
ง รู้
จั
กเล่
นสนุ
กสนานในสถานการณ์
ที่
เหมาะสม จึ
งต้
องปลุ
กฝั
งความเชื่
อ แนวคิ
ด ความ
รั
บผิ
ดชอบ ความรั
ก ความมุ่
งมั่
นในการทางานที่
มี
ประสิ
ทธิ
ภาพส่
งผลให้
เกิ
ดกลไกและพลั
งที่
นาไปสู่
สั
งคมที่
น่
าปรารถนา สร้
างสรรค์
ภู
มิ
ปั
ญญาแนวทางใหม่
ในทางปฏิ
วั
ติ
และเปลี่
ยนแปลง ความคิ
ดและ
พฤติ
กรรมเดิ
มของผู้
คนในสั
งคมนาพาไปสู่
สั
งคมมหาสุ
ขที่
ยั่
งยื
1...,111,112,113,114,115,116,117,118,119,120 122,123,124,125,126,127,128,129,130,131,...216
Powered by FlippingBook