nt139 - page 62

54
มี
การแสวงหาทางออกโดยการปรั
บตั
วให้
เข้
ากั
บการเปลี่
ยนแปลงทางวั
ฒนธรรมตามกาลเวลา และสภาพแวดล้
อมอยู่
ตลอดเวลา การที่
สามารถดํ
ารงสิ่
งเหล่
านั้
นได้
คื
ออาศั
ยภู
มิ
ปั
ญญาของตั
วเองในการถ่
ายทอดความรู้
ความชํ
านาญ
ตลอดจนทั
ศนคติ
และประสบการณ์
กล่
าวได้
ว่
า เป็
นการถ่
ายทอดภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นไปยั
งบุ
ตรหลาน หรื
อบุ
คคลที่
อยู่
ใกล้
เคี
ยง เป็
นการศึ
กษาวิ
ธี
ปรั
บปรุ
งตนเองให้
เข้
ากั
บสภาพแวดล้
อม นํ
าเอาทรั
พยากรธรรมชาติ
ที่
มี
ในท้
องถิ่
นมา
ดั
ดแปลงให้
เกิ
ดประโยชน์
แก่
ตนเอง ในด้
าน
กระบวนการผลิ
ตชิ้
นงาน ช่
างทํ
ารถม้
าจํ
าลองจะประดิ
ษฐ์
เครื่
องมื
อ อุ
ปกรณ์
ในการทํ
ารถม้
าจํ
าลองด้
วยตนเอง มี
การ
ทํ
าชิ้
นส่
วนรถม้
าและประกอบเป็
นตั
วรถให้
เสร็
จที
เดี
ยวครั้
งละ 1 คั
น ทํ
าให้
สามารถลงรายละเอี
ยดได้
ไม่
ซ้ํ
ากั
น เกิ
ความเป็
นเอกลั
กษณ์
ของรถม้
าจํ
าลองแต่
ละคั
น แต่
หากมี
ความต้
องการจากนั
กท่
องเที่
ยวในจํ
านวนมาก ช่
างทํ
ารถม้
จํ
าลองในชุ
มชนบ้
านต้
นธงชั
ยจะรวมกลุ่
มกั
นทํ
างานในรู
ปแบบของการกระจายงาน เช่
น การทํ
าส่
วนของหั
วม้
า 10 ตั
หรื
อ ชิ้
นส่
วนของขาม้
า 5 คู่
เป็
นต้
น แล้
วนํ
ามาประกอบกั
นเป็
น 1 คั
น เพื่
อช่
วยย่
นระยะเวลาในการทํ
างาน
นอกจากนี้
ยั
งมี
การทํ
ารถม้
าจํ
าลองหลายขนาดตั้
งแต่
ความสู
ง 8 นิ้
ว เป็
น 12 นิ้
ว , 15 นิ้
ว หรื
อขนาดพิ
เศษที่
สั่
งทํ
ขึ้
น เพื่
อให้
มี
ความหลากหลายมากยิ่
งขึ้
น ส่
วนวิ
ธี
การถ่
ายทอดของช่
างทํ
ารถม้
าจํ
าลองจะไม่
เหมื
อนกั
บการสอนในระบบ
โรงเรี
ยน กล่
าวคื
อ จะไม่
มี
การกํ
าหนดชั่
วโมงเรี
ยน ไม่
ได้
กํ
าหนดการสอนแน่
นอนและไม่
มี
กรอบในการเรี
ยน การเรี
ยน
ขึ้
นอยู่
กั
บความพร้
อมและความต้
องการที่
จะเรี
ยนของผู้
เรี
ยนเป็
นส่
วนใหญ่
รวมทั้
งความพร้
อมด้
านอารมณ์
ของผู้
เรี
ยน
ไม่
มี
การบั
งคั
บให้
เรี
ยน เน้
นการฝึ
กปฏิ
บั
ติ
ด้
วยตนเอง
2.
การที่
นั
กเรี
ยนได้
พั
ฒนากระบวนการเรี
ยนรู้
ในด้
านกระบวนการคิ
ด โดยได้
ไปเรี
ยนรู้
จริ
งที่
โรงรถ
ม้
า ได้
พั
ฒนากระบวนการค้
นคว้
าหาความรู้
โดยการสั
มภาษณ์
ได้
เกิ
ดกระบวนการแก้
ปั
ญหาโดยการสั
งเกตการ
ปฏิ
บั
ติ
งานของช่
างทํ
ารถม้
า และเกิ
ดการเรี
ยนรู้
กระบวนการกลุ่
ม คื
อนั
กเรี
ยนไปเรี
ยนรู้
จากสถานที่
จริ
งโดยจั
ดนั
กเรี
ยน
เป็
นกลุ่
ม มอบหมายหน้
าที่
อย่
างชั
ดเจน เมื่
อไปดํ
าเนิ
นการเสร็
จแล้
วจะนํ
าข้
อมู
ลมาเขี
ยนรายงานส่
งครู
การที่
เกิ
ดผล
เช่
นนี้
เพราะว่
า โรงเรี
ยนได้
จั
ดระบบการเรี
ยนรู้
ให้
นั
กเรี
ยนได้
ปฏิ
บั
ติ
อย่
างเป็
นระบบขั้
นตอน เน้
นการสอนโดยใช้
สภาพ
จริ
งในท้
องถิ่
3.
การได้
รู
ปแบบการมี
ส่
วนร่
วมของโรงเรี
ยนและชุ
มชนในการพั
ฒนากระบวนการเรี
ยนรู้
ของ
นั
กเรี
ยนโดยใช้
รถม้
าด้
วยการเรี
ยนรู้
จากกิ
จกรรมการมี
ส่
วนร่
วมเพื่
อเติ
มเต็
มการเรี
ยนรู้
ศึ
กษาสภาพจริ
งจากชุ
มชน
สั
งเกตและบั
นทึ
กข้
อมู
ลพื้
นฐาน สั
มภาษณ์
ฝึ
กทํ
ารถม้
าจํ
าลองจากกระดาษเหลื
อใช้
จากวิ
ทยากรในชุ
มชน ประชุ
มร่
วม
ถอดบทเรี
ยนกั
บชุ
มชน วิ
ธี
การเหล่
านี้
มาจากกิ
จกรรมการระดมความคิ
ดร่
วมกั
น วางแผนร่
วมกั
น การที่
เกิ
ดผลเช่
นนี้
เพราะว่
า ชุ
มชนได้
เห็
นกิ
จกรรมการเรี
ยนรู้
ที่
จะมุ่
งให้
เกิ
ดประโยชน์
ต่
อนั
กเรี
ยนซึ่
งเป็
นบุ
ตรหลานของตน ประกอบกั
การมี
ส่
วนร่
วมในการสร้
างความสั
มพั
นธ์
กั
บชุ
มชนกั
บโรงเรี
ยน จึ
งเกิ
ดความรู้
สึ
กที่
ดี
ต่
อกิ
จกรรมที่
เกิ
ดขึ้
นในครั้
งนี้
การผสมผสานรถม้
าจํ
าลองกั
บกระบวนการเรี
ยนการสอนทางศิ
ลปะ จากผลการพั
ฒนาหลั
กสู
ตรท้
องถิ่
นที่
ผู้
วิ
จั
ได้
พั
ฒนาขึ้
นโดยได้
ผสมผสานภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นกั
บกระบวนการเรี
ยนการสอนในหลั
กสู
ตรกลุ่
มสาระการเรี
ยนรู้
ศิ
ลปะด้
าน
ทั
ศนศิ
ลป์
พุ
ทธศั
กราช 2551 ซึ่
งเป็
นการพั
ฒนาหลั
กสู
ตรแนวทางใหม่
ตรงกั
บแนวคิ
ดเกี่
ยวกั
บการจั
ดการศึ
กษาที่
มี
ถ่
ายโยงความรู้
ในท้
องถิ่
นกั
บความรู้
สมั
ยใหม่
ที่
เป็
นสากลทั้
งในลั
กษณะการจั
ดให้
มี
การเรี
ยนรู้
เกี่
ยวกั
บภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นใน
ห้
องเรี
ยนและนอกห้
องเรี
ยน สอดคล้
องกั
1...,52,53,54,55,56,57,58,59,60,61 63,64,65,66,67,68,69,70,71,72,...78
Powered by FlippingBook