bk130 - page 4

III
คติต่อพฤติ กรรมทางเพศอยู่ในระดับปานกลาง โดยนั กศึกษากลุ่ มวิชามนุษยศาสตร์ /สังคมศาสตร์ มี
ค่าเฉลี่ยของเจตคติต่อพฤติกรรมทางเพศอยู่ในระดั บที่สู งกว่านักศึกษากลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ แต่
มี ค่ าเฉลี่ ยของการป้ องกั นพฤติ กรรมเสี่ ยงทางเพศอยู่ในระดั บที่ ต่ํ ากว่านั กศึ กษากลุ่ มสาขาวิ ชา
วิทยาศาสตร์อย่างมี นัยสํ าคัญ และ นักศึกษาจากมหาวิ ทยาลัยของรัฐและของเอกชนมีค่าเฉลี่ ยของเจต
คติต่อพฤติกรรมทางเพศแตกต่างกั น แต่มีค่ าเฉลี่ยของการปฏิบัติเพื่ อป้องกั นพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
ไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสําคั ญ .๐๕
๔) ผลการวิเคราะห์ ความแปรปรวนแบบสองทางระหว่างกลุ่ มพบว่ า (๑) นักศึ กษาที่มี
ระดับชั้นปี ที่ศึกษาต่ างกั น ระดับเกรดเฉลี่ยสะสมต่ างกัน และระดับรายได้ เฉลี่ยต่ อเดื อนต่างกัน ไม่
ส่ งผลกระทบหรือไม่มี อิ ทธิ พลต่อระดั บเจตคติของนั กศึกษาที่ มี ต่ อพฤติกรรมทางเพศ และ (๒)
นักศึกษาระดั บชั้นปี ที่ศึ กษาต่างกั น ระดับเกรดเฉลี่ยสะสมต่ างกั น และระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดื อน
ต่างกัน ไม่ ส่งผลกระทบต่อระดับความคิดเห็ นที่มี ต่อการป้องกันพฤติกรรมเสี่ ยงทางเพศอย่างมีนัยสํ าคัญ
๕) จากการพู ดคุยอย่างไม่ เป็นทางการเกี่ยวกับอิทธิ พลของสื่ออนาจารบนอินเทอร์เน็ตและ
แนวทางป้องกั นและแก้ไขตนเองจากการตกเป็นเหยื่ อของสื่ อดังกล่ าว สรุปสาระได้ ว่ านักศึ กษา
ตระหนั กดีถึ งผลกระทบทั้งต่ อร่างกาย จิ ตใจ และทรัพย์สิ นของบุคคล การป้ องกันและแก้ ไขอาจ
กระทําได้ หลายวิธี การ แต่ที่ได้ผลมากที่สุดน่าจะได้ แก่ การฝึกควบคุมจิตใจตนเองใช้ สติ ใช้เหตุผลใน
การเลือกรับสื่อ รู้เท่าทันสื่อบนอินเทอร์ เน็ต หาความรู้เพิ่ มเติมจากผู้รู้จริงและมี ประสบการณ์เกี่ยวกับ
สื่ออนาจารที่ เป็นภัยต่อผู้ รับทุกเพศทุ กวัย การควบคุมเนื้อหาสาระของสื่อบนอิ นเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่
ยาก เพราะเป็นประเด็ นทางธุรกิจและเกี่ยวข้องกั บผลประโยชน์ เราอาจทําให้มั นลดจํานวนลงได้บ้าง
แต่ ไม่อาจทํ าให้สื่ออนาจารหายไปจากอิ นเทอร์เน็ตได้อย่ างถาวร ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับวิ จารณญาณของ
แต่ละบุคคลในการเลือกบริโภคสื่ออย่ างมีสติ รู้คิด รู้วิเคราะห์ และพอเหมาะพอดี
๖) ผลจากการประมาณค่าสัดส่วนของการเกิ ดพฤติ กรรมทางเพศของนักศึ กษาโดยใช้
เทคนิคการตอบสนองเชิ งสุ่ มของ Warner พบว่า นั กศึกษากลุ่ มตัวอย่ างส่ วนใหญ่ เคยเปิ ดรับสื่อ
อนาจารในช่วง ๑ ปี ที่ผ่านมา โดยมี ค่าประมาณสั ดส่วนของพฤติกรรมปฏิเสธการรับสื่ ออนาจารเมื่อ
เพื่อนชักชวนและพฤติกรรมเที่ยวกลางคืนกั บเพื่อนต่างเพศเป็ นประจําอยู่ในระดั บสูงสุ ดเท่าๆ กั น
(ร้ อยละ ๘๘) รองลงไปคื อ พฤติ กรรมหมกมุ่นทางเพศกับพฤติ กรรมเคยซื้ อบริ การทางเพศซึ่ งมี
ค่ าประมาณสัดส่วนพฤติกรรมเท่าๆ กั น (ร้อยละ ๗๗) โดยมี ข้อสังเกตว่ านักศึกษากลุ่ มตัวอย่ าง มี
ค่าประมาณสัดส่ วนพฤติกรรมการเคยมี เพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันถึงร้อยละ ๕๕ (ชาย) และร้อยละ
๖๖ (หญิง) และเมื่ อพิจารณาค่าประมาณสั ดส่วนพฤติกรรมทางเพศ ซึ่งเกิดขึ้นเรียงจากน้ อยที่ สุด
ตามลํ าดับ ๓ พฤติกรรม ได้แก่ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และการแสดงออกทางเพศได้ดี
(ร้อยละ ๑๘) ความมั่ นใจในความเป็ นชายจริงหญิงแท้ของตน (ร้อยละ ๒๘) และพฤติ กรรมเคยขาย
บริ การทางเพศ (ร้ อยละ ๓๕) ทั้งนี้โดยมีความผิดพลาดในการประมาณค่าสัดส่วนของพฤติ กรรม
ดั งกล่ าวน้อยมากเมื่ อพิ จารณาจากผลต่างของค่าสูงสุ ด-ต่ําสุ ดในการประมาณค่าสัดส่ วนแต่ ละ