nt142 - page 120

106
นอกจากนี
ยั
งมี
โบราณสถานที่
แสดงให้
เห็
นถึ
งเรื่
องราวในสมั
ยก่
อนประวั
ติ
ศาสตร์
ที่
สํ
าคั
ญๆคื
ภาพสลั
กหิ
นที่
ถํ
ากา บนเขาช้
างล้
วงอํ
าเภอนครไทย ซึ
งภาพสลั
กหิ
นนี
มี
ลั
กษณะคล้
ายกั
บรู
ปสลั
กหิ
นที่
ภู
เขาภู
พาน อํ
าเภอบ้
านผื
อ จั
งหวั
ดอุ
ดรธานี
(ปราณี
แจ่
มขุ
นเที
ยน,2535 : 52) รวมไปถึ
งการสลั
กหิ
นเป็
นภาพ
ลายเส้
น และรู
ปกากบาทพาดกั
นไปมาที่
ปรากฏอยู
ด้
านบนของถํ
าผาขี
ด ที่
ภู
ขั
ด อํ
าเภอนครไทย ในส่
วน
แกะสลั
กเป็
นภาพวงกลมเรี
ยงกั
นเป็
นแถวประมาณ 14 วง บางภาพกแกะสลั
กลวดลายคล้
ายๆกั
บภาพคน
ในท่
าต่
าง ๆ และบางภาพคล้
ายสั
ตว์
จํ
าพวกนก กวางและปลาเรี
ยงกั
น มี
รอยขู
ดขี
ดเป็
นแผนที่
หรื
อลาย
เรขาคณิ
ต ชาวบ้
านจึ
งเรี
ยกผานี
ว่
า “ผากระดานเลข”ซึ
งพบในถํ
าผาแดงบนภู
เขาอ่
างนํ
าบ้
านปากรองตํ
าบล
ชาติ
ตระการ อํ
าเภอชาติ
ตระการ จั
งหวั
ดพิ
ษณุ
โลก ทั
งหมดนี
เป็
นร่
องรอยการกระทํ
าของมนุ
ษย์
สมั
ยก่
อน
ประวั
ติ
ศาสตร์
ในยุ
คโลหะ (ประทุ
มชุ่
มเพ็
งพั
นธ์
,2522:14)
พิ
ษณุ
โลกสมั
ยทวารวดี
ประมาณพุ
ทธศตวรรษที่
1-9-16 (ประมาณปี
พ.ศ. 800-1600) มี
การ
สั
นนิ
ษฐานว่
าจะมี
การตั
งถิ่
นฐานจนเป็
นชุ
มชนขนาดใหญ่
ในบริ
เวณเมื
องนครไทยและเขาสมอแครง อํ
าเภอ
วั
งทอง จั
งหวั
ดพิ
ษณุ
โลก ซึ
งได้
พบหลั
กฐานคื
อ พระพุ
ทธรู
ปศิ
ลาหิ
น 2องค์
ที่
วั
ดตระพั
งนาด บนเขาสมอ
แครง โดยสั
นนิ
ษฐานว่
าเป็
นศิ
ลปะสมั
ยทวารวดี
ตอนปลาย ฝี
มื
อช่
างชาวอี
สานหรื
อช่
างพื
นเมื
องพิ
ษณุ
โลก
โดยมี
การสร้
างขึ
นที่
นี่
หรื
ออาจจะมี
การ ขนย้
ายมาจากอี
สานโดยผ่
านอํ
าเภอด่
านซ้
าย จั
งหวั
ดเลย มาสู
อํ
าเภอนครไทย และเชื่
อมโยงถึ
งเขาสมอแครงในเขตอํ
าเภอวั
งทองในระยะต่
อมา
พิ
ษณุ
โลกในสมั
ยลพบุ
รี
ในช่
วงนี
อาณาจั
กรขอมมี
ความเจริ
ญรุ่
งเรื
องและได้
แผ่
อํ
านาจ การเมื
อง
การปกครอง และศิ
ลปวั
ฒนธรรมมายั
งลุ่
มแม่
นํ
าปิ
ง วั
ง ยมและน่
านที่
พิ
ษณุ
โลกได้
พบหลั
กฐานซึ
งเป็
โบราณสถานอิ
ทธิ
พลวั
ฒนธรรมของขอมคื
อพระปรางค์
วั
ดจุ
ฬามณี
ซึ
งเดิ
มเป็
นเทวสถานของพราหมณ์
(ประทุ
ม ชุ่
มเพ็
งพั
นธ์
,2522: 42) ต่
อมามี
การขุ
ดค้
นทางโบราณคดี
ระหว่
างปี
พ.ศ. 2498-2499 และได้
รายละเอี
ยดเกี่
ยวกั
บวั
ดจุ
ฬามณี
เพิ่
มเติ
ม ทํ
าให้
ได้
ข้
อสรุ
ปว่
าพระปรางค์
วั
ดจุ
ฬามณี
เป็
นปรางค์
ศิ
ลาแลงแบบ
สุ
โขทั
ย สร้
างขึ
นในระหว่
างพุ
ทธศตวรรษที่
19-20 ศิ
ลปะสุ
โขทั
ยได้
เกิ
ดขึ
นร่
วมสมั
ยระหว่
างศิ
ลปะลพบุ
รี
และศิ
ลปะสมั
ยอยุ
ธยาตอนต้
น ถ้
ากํ
าหนดเป็
นกาลเวลาจะราวพุ
ทธศตวรรษที่
17-27ศิ
ลปะสมั
ยสุ
โขทั
ย จั
เป็
นตั
วกลางหรื
อตั
วต่
อของศิ
ลปะสมั
ยลพบุ
รี
และอยุ
ธยา จากหลั
กฐานในศิ
ลาจารึ
กหลั
กที่
2จารึ
กวั
ดศรี
ชุ
มได้
กล่
าวว่
“....ก....ในนครสระหลวงสองแคว ปู
ชื่
อพระยาศรี
นํ
าถม....
เป็
นพ่
อ....(เสว) ราชในนครสองอั
น อั
นหนึ
งชื่
อนครสุ
โขทั
อั
นหนึ
งชื่
อนครศรี
สั
ชนาลั
ย...” (กรมศิ
ลปากร.2521: 36)
จากจารึ
กนี
แสดงให้
เห็
นว่
า เมื
องสองแคว (พิ
ษณุ
โลก) มี
มาก่
อนสมั
ยสุ
โขทั
ยเป็
นราชธานี
และเมื
อง
อิ
สระ พ่
อขุ
นศรี
นาวนํ
าถมมี
พระราชโอรสสองพระองค์
คื
อพ่
อขุ
นผาเมื
อง และพระยาคํ
าแหงพระราม ซึ
พ่
อขุ
นผาเมื
องเป็
นพระราชบุ
ตรเขยของพระเจ้
าชั
ยวรมั
นที่
7 แห่
งอาณาจั
กรศรี
ยโสธรปุ
ระ (อาณาจั
กร
1...,110,111,112,113,114,115,116,117,118,119 121,122,123,124,125,126,127,128,129,130,...262
Powered by FlippingBook