nt142 - page 117

103
อยู
อาศั
ยขึ
นบกประมาณครึ
งหนึ
งจากเดิ
มที่
มี
เรื
อนแพอยู
ทั
งหมด 255 แพ ในปี
พ.ศ.2537 (กองอนามั
ยและ
สิ่
งแวดล้
อม เทศบาลเมื
องพิ
ษณุ
โลก) โดยให้
ไปอยู
ที่
ชุ
มชนโคกช้
างซึ
งเป็
นพื
นที่
ชานเมื
องทางฝั่
งตะวั
นออก
และเรื
อนแพส่
วนสุ
ดท้
ายอั
นประกอบไปด้
วยเรื
อนแพที่
อยู
อาศั
ย 38 แพและแพร้
านอาหาร 5 แพจะยั
งคง
สภาพเป็
นเรื
อนแพ แต่
จะถู
กย้
ายไปอยู
ทางริ
มนํ
าด้
านทิ
ศใต้
มากขึ
น โดยอยู
ระหว่
างสะพานเอกาทศรฐและ
สะพานที่
ถู
กสร้
างขึ
นใหม่
คื
อสะพานพระสุ
พรรณกั
ลยาภายในปลายปี
พ.ศ. 2548 (เนื
อหาการประชุ
มกั
เทศบาลนครพิ
ษณุ
โลกวั
นที่
18ตุ
ลาคม2548)
โครงการปรั
บปรุ
งภู
มิ
ทั
ศน์
บริ
เวณพระราชวั
งสนามจั
นทน์
ก่
อให้
เกิ
ดปั
ญหาที่
คล้
ายคลึ
งกั
น คื
อการ
โยกย้
ายชุ
มชนที่
มี
การตั
งถิ่
นฐานอยู
บริ
เวณนั
นเป็
นเวลากว่
า 30-40 ปี
ออกไปจากพื
นที่
ประวั
ติ
ศาสตร์
คื
ชุ
มชนเทพารั
กษ์
และชุ
มชนสระสองห้
องภายในปี
พ.ศ.2548 โดยทางเทศบาลนครพิ
ษณุ
โลกได้
จั
ดเตรี
ยมพื
ที่
ตั
งชุ
มชนแห่
งใหม่
ไว้
ให้
ชุ
มชนสี
หราชเดโชชั
ย ซึ
งเป็
นพื
นที่
ชานเมื
องทางฝั่
งตะวั
นตก (เนื
อหาการประชุ
ย่
อยกั
บคณะที่
ปรึ
กษา)
โครงการขนาดใหญ่
อื่
นๆตั
งแต่
ปี
พ.ศ. 2540
การส่
งเสริ
มให้
พิ
ษณุ
โลกเป็
นศู
นย์
กลางด้
านต่
างๆตามแผนพั
ฒนาภาค โดยการสนั
บสนุ
นให้
มี
การ
ก่
อสร้
างอาคารประเภทต่
างๆ ไม่
ค่
อยบรรลุ
ตามเป้
าหมายที่
วางไว้
มากนั
ก นอกจากโครงการก่
อสร้
างขนาด
ใหญ่
ของเทศบาลนครพิ
ษณุ
โลกที่
เน้
นไปที่
โครงสร้
างพื
นฐานและพื
นที่
สี
เขี
ยวดั
งที่
กล่
าวมาแล้
ว โครงการ
ขนาดใหญ่
อื่
นๆถู
กดํ
าเนิ
นการโดยเอกชนนอกพื
นที่
เช่
นการก่
อสร้
างห้
างสรรพสิ
นค้
าขนาดใหญ่
3ห้
างคื
MacroBigCและ Lotusบนถนนทางหลวงสายหลั
ก และโครงการที่
ดํ
าเนิ
นการโดยองค์
การบริ
หารส่
วน
จั
งหวั
ดคื
อ โครงการพั
ฒนาบึ
งราชนกบนพื
นที่
กว่
า 400 ไร่
เพื่
อปรั
บปรุ
งให้
เป็
นสวนสาธารณะขนาดใหญ่
และเป็
นศู
นย์
ศึ
กษาด้
านสิ่
งแวดล้
อม
จากพั
ฒนาการของเมื
องพิ
ษณุ
โลกทั
ง 3ช่
วงเวลาทํ
าให้
เห็
นพั
ฒนาการลั
กษณะทางกายภาพของเมื
อง
ในช่
วงระยะเวลาประมาณ 40ปี
ที่
ผ่
านมาอย่
างเป็
นลํ
าดั
บ เริ่
มตั
งแต่
ยุ
คสร้
างเมื
อง (พ.ศ.2500-2520) ที่
มี
ความ
พยายามอย่
างหนั
กในการฟื
นฟู
บริ
เวณที่
ประสบความเสี
ยหายจากเหตุ
การณ์
เพลิ
งไหม้
และเป็
นศู
นย์
กลางเมื
อง
ในขณะนั
น ผนวกเข้
ากั
บนโยบายของรั
ฐบาลในการพั
ฒนาเศรษฐกิ
จของชาติ
ด้
วยการสร้
างถนนเชื่
อม
ระหว่
างภู
มิ
ภาคทํ
าให้
เกิ
ดการอพยพย้
ายถิ่
นฐานเพื่
อหาแหล่
งงานของประชากรเป็
นจํ
านวนมากจากภาค
อี
สานมายั
งจั
งหวั
ดพิ
ษณุ
โลก และส่
งผลต่
อการขยายตั
วของเมื
องทั
งในส่
วนของย่
านการค้
า และย่
านพั
อาศั
ยไปอยู
บริ
เวณชานเมื
องมากยิ่
งขึ
นโดยเฉพาะชานเมื
องทางทิ
ศตะวั
นออกและทิ
ศใต้
ต่
อมาจนถึ
งยุ
เจริ
ญเติ
บโตของเมื
อง (พ.ศ.2521-2540) ซึ
งเป็
นช่
วงที่
เศรษฐกิ
จในเมื
องพิ
ษณุ
โลกเติ
บโตอย่
างสู
งเช่
นเดี
ยวกั
เศรษฐกิ
จทั่
วประเทศ ทํ
าให้
เมื
องมี
การขยายตั
วอย่
างต่
อเนื่
องไปยั
งพื
นที่
ชานเมื
องหากแต่
เริ่
มขยายออกไปทุ
ทิ
ศทุ
กทาง เนื่
องจากเส้
นทางคมนาคมที่
ถู
กวางไว้
อย่
างเป็
นโครงข่
ายโดยรอบเมื
องเป็
นตั
วแสดงถึ
งการ
1...,107,108,109,110,111,112,113,114,115,116 118,119,120,121,122,123,124,125,126,127,...262
Powered by FlippingBook