st119 - page 21
๑๐
ฝ ่
ายตั
้
งรั
บเพี
ยงอย่
างเดี
ยว และเป็
นกระบวนการที
่
เป็
นพลวั
ต ดั
งจะเห็
นได้
ว่
าวั
ฒนธรรมชุ
มชน
ไม่
ได้
มี
เพี
ยงความหมายเดี
ยวหรื
อยึ
ดติ
ดกั
บพื
้
นที
่
ทางภู
มิ
ศาสตร์
แต่
ชุ
มชนมี
ความเคลื
่
อนไหว
เปลี
่
ยนแปลง มี
ความซั
บซ้
อนและการขยายไปสู
่
ชุ
มชนระดั
บเครื
อข่
าย ซึ
่
งเป็
นลั
กษณะ
ความสั
มพั
นธ์
ที
่
กว้
างกว่
าบนพื
้
นฐานของพั
นธะทางสั
งคมแบบสมั
ยใหม่
ที
่
คนทั
่
วไปให้
ความหมาย
กั
น
๑.๒ความสาคั
ญของวั
ฒนธรรมชุ
มชน
ความสาคั
ญของวั
ฒนธรรมชุ
มชน คื
อ ทาให้
เกิ
ดการรวมพลั
งของประชาชน
โดยเฉพาะในชุ
มชนชนบทสร้
างความเป็
นอั
นหนึ
่
งอั
นเดี
ยวกั
น นาไปสู
่
ความสาเร็
จในการรวมกลุ่
ม
เพื
่
อทากิ
จกรรมของชุ
มชน ก่
อให้
เกิ
ดประสบการณ์
ร่
วม สร้
างความรั
ก ความภาคภู
มิ
ใจและหวง
แหนในประเพณี
วั
ฒนธรรมของตน ทาให้
คนในสั
งคมเห็
นความสาคั
ญทางด้
านคุ
ณค่
าจิ
ตใจและ
ความรู
้
สึ
กของคน ก่
อให้
เกิ
ดความสั
มพั
นธ์
ใกล้
ชิ
ดระหว่
างมนุ
ษย์
กั
บสิ่
งสู
งสุ
ดทางศาสนา
นอกจากนี
้
ความสาคั
ญของวั
ฒนธรรมชุ
มชนนาไปสู
่
แนวทางพั
ฒนาเศรษฐกิ
จและการเมื
องแบบ
พึ
่
งตนเอง และก่
อให้
เกิ
ดระบอบประชาธิ
ปไตยแบบกระจายอานาจ อี
กทั
้
งก่
อให้
เกิ
ดความรู
้
สึ
กร่
วม
ในการดู
แลรั
กษาธรรมชาติ
เพื
่
อคงความสั
มพั
นธ์
ระหว่
างคนกั
บธรรมชาติ
อย่
างสมดุ
ล เพราะ
ธรรมชาติ
จะช่
วยคงความสามารถในการพึ
่
งตนเองของชุ
มชนไว้
ได้
๖
ความสาคั
ญของวั
ฒนธรรม
ชุ
มชนข้
างต้
น ทาให้
ขบวนการวั
ฒนธรรมชุ
มชนในสั
งคมไทยป ั
จจุ
บั
นเชื
่
อมั
่
นว่
าจะเป็
นปราการ
สาคั
ญที
่
นาไปสู
่
การพั
ฒนาแบบที
่
ไม่
ทาลายล้
างสถาบั
นชุ
มชนหมู
่
บ้
านไทย แต่
ให้
ชุ
มชนสามารถ
พึ
่
งตนเองได้
และทาให้
เห็
นว่
าข้
อเรี
ยกร้
องของตนเป็
นข้
อเรี
ยกร้
องที
่
มี
เหตุ
ผลและมี
ความเป็
นไป
ได้
สู
ง เพราะเป็
นข้
อเรี
ยกร้
องที
่
วางอยู
่
บนพื
้
นฐานของความเชื
่
อและวั
ฒนธรรมพื
้
นบ้
านของไทย
เราเอง
แนวคิ
ดวั
ฒนธรรมชุ
มชนได้
ปรั
บเปลี
่
ยนมุ
มมองให้
ผู
้
คนในสั
งคม จากเดิ
มที
่
มอง
ชุ
มชนผู
กติ
ดอยู
่
กั
บหน่
วยของพื
้
นที
่
เป็
นหลั
ก ต่
อมาได้
เล็
งเห็
นความสาคั
ญของชุ
มชนในแง่
ความสั
มพั
นธ์
ที
่
ประกอบด้
วยมิ
ติ
ต่
าง ๆ หลายด้
าน เริ่
มจากมิ
ติ
ในด้
านของระบบคุ
ณค่
า และด้
าน
ทุ
นทางสั
งคม ซึ
่
งถื
อเป็
นข้
อตกลงร่
วมกั
นของความเป็
นชุ
มชน มิ
ติ
ต่
าง ๆ เหล่
านี
้
ก็
ไม่
ได้
หยุ
ดนิ่
ง
แต่
จะปรั
บเปลี
่
ยนไปตามบริ
บทของสั
งคมด้
วย ถึ
งแม้
ชุ
มชนจะมี
กฎเกณฑ์
อยู
่
แล้
วในการจั
ดการ
ทรั
พยากร แต่
กฎเกณฑ์
ดั
งกล่
าวก็
จะปรั
บตั
วอยู
่
ตลอดเวลา ในลั
กษณะที
่
นั
กวิ
ชาการหลายท่
าน
เรี
ยกว่
า “การผลิ
ตใหม่
” กล่
าวคื
อ มี
การนาออกมาปรั
บใช้
ในลั
กษณะใหม่
หรื
อในความหมายใหม่
ยกตั
วอย่
างเช่
น ในป ั
จจุ
บั
นนี
้
ชาวบ้
านได้
ปรั
บใช้
พิ
ธี
กรรมของการบวชป ่
ามาใช้
ใหม่
ซึ
่
งจากเดิ
ม
การบวชป ่
าเป็
นเพี
ยงการกาหนดให้
ป ่
าเป็
นเขตอภั
ยทานอย่
างเดี
ยว แต่
ป ั
จจุ
บั
น การบวชป ่
า
๖
ฉั
ตรทิ
พย์
นาถสุ
ภา. ๒๕๓๔. “แนวความคิ
ดวั
ฒนธรรมชุ
มชน”, ใน วั
ฒนธรรมไทยกั
บขบวนการ
เปลี
่
ยนแปลงสั
งคม, หน้
า ๑๗๑ - ๒๑๖. ฉั
ตรทิ
พย์
นาถสุ
ภา, บรรณาธิ
การ. กรุ
งเทพฯ : สานั
กพิ
มพ์
จุ
ฬาลงกรณ์
มหาวิ
ทยาลั
ย, ๑๗๒ – ๑๙๙.
1...,11,12,13,14,15,16,17,18,19,20
22,23,24,25,26,27,28,29,30,31,...144