๘
พั
ฒนาวั
ฒนธรรมขององค์
การยู
เนสโก
๒
ส่
วนป ั
จจั
ยภายในประเทศเกิ
ดจากการคุ
กคามของระบบ
ทุ
นนิ
ยมต่
อชุ
มชน ทาให้
ป ั
ญญาชนและนั
กพั
ฒนาเกิ
ดแนวคิ
ดที
่
จะรั
กษาและฟื
้
นฟู
วั
ฒนธรรม
ประเพณี
ดั
้
งเดิ
ม และในระหว่
างนั
้
นการตื
่
นตั
วของป ั
ญญาชนที
่
ผ่
านการต่
อสู
้
ในเหตุ
การณ์
๑๔
ตุ
ลาคม ๒๕๑๖ได้
ร่
วมฟื
้
นฟู
ประชาธิ
ปไตยและกระบวนการเคลื
่
อนไหวทางสั
งคม สร้
าง
บรรยากาศที
่
ส่
งเสริ
มการเรี
ยนรู
้
สภาพและป ั
ญหาของประชาชน แนวคิ
ดวั
ฒนธรรมชุ
มชนเริ่
ม
ปรากฏชั
ดเป็
นระบบมากขึ
้
นในปี
พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยมี
การประชุ
มสั
มมนาของสมาคมคาทอลิ
ก
แห่
งประเทศไทยเพื
่
อการพั
ฒนา ที
่
สวางคนิ
วาส เรื
่
อง “วั
ฒนธรรมไทยกั
บงานพั
ฒนาชนบท”
๓
แนวคิ
ดวั
ฒนธรรมชุ
มชนได้
ขยายออกไปอย่
างกว้
างขวางมากขึ
้
นทั
้
งในแวดวงของนั
กพั
ฒนาของ
องค์
กรพั
ฒนาเอกชน และนั
กวิ
ชาการที
่
เข้
าร่
วมนาเสนอแนวคิ
ด ซึ
่
งสามารถสร้
างความเป็
นระบบ
และความชั
ดเจนให้
กั
บพั
ฒนาการของแนวคิ
ดในระยะต่
อมา ทาให้
เกิ
ดเป็
นกระแสความตื
่
นตั
วต่
อ
พลั
งของชุ
มชน และมี
ความหลากหลายมากยิ่
งขึ
้
น ทั
้
งในแง่
ของจุ
ดเน้
น แนวทางในการวิ
เคราะห์
หรื
อแม้
แต่
ข้
อเสนอต่
อการพั
ฒนาชนบท
๔
รวมทั
้
งเป็
นอี
กกระแสหนึ
่
งของการศึ
กษาหมู
่
บ้
านไทยใน
เชิ
งคุ
ณค่
า
นอกจากนี
้
ฉั
ตรทิ
พย์
นาถสุ
ภา ได้
สรุ
ปสาระสาคั
ญของแนวคิ
ดวั
ฒนธรรมชุ
มชน
ออกเป็
น ๔ แนวคิ
ด ได้
แก่
แนวคิ
ดแรก
ชุ
มชนมี
วั
ฒนธรรมของตนเองอยู
่
แล้
ว วั
ฒนธรรมนี
้
ให้
คุ
ณค่
าแก่
ความเป็
นคนและแก่
ชุ
มชนที
่
มี
ความผสมกลมกลื
น และวั
ฒนธรรมชุ
มชนเป็
นพลั
ง
ผลั
กดั
นการพั
ฒนาชุ
มชนที
่
สาคั
ญที
่
สุ
ด ซึ
่
งจะใช้
ประโยชน์
ได้
เมื
่
อมี
การปลุ
กให้
สมาชิ
กแห่
งชุ
มชนมี
จิ
ตสานึ
กรั
บรู
้
ในวั
ฒนธรรมของตน
แนวคิ
ดที
่
สอง
การดารงอยู
่
ของวั
ฒนธรรมสองกระแส คื
อ
วั
ฒนธรรมชาวบ้
านและวั
ฒนธรรมทุ
นนิ
ยม โดยวั
ฒนธรรมของชาวบ้
านมี
ความเป็
นอิ
สระ
เนื
่
องจากผู
กพั
นอยู
่
กั
บความเป็
นชุ
มชนหรื
อหมู
่
บ้
านที
่
เป็
นรู
ปแบบสั
งคมที
่
มี
ความคงทนยื
นนาน
จึ
งเสนอให้
เปลี
่
ยนแนวทางในการพั
ฒนาไปเป็
นการพึ
่
งตนเองอย่
างในอดี
ต และเสนอบทบาทของ
ชนชั
้
นกลางในการแลกเปลี
่
ยนวั
ฒนธรรมกั
บชาวบ้
าน นาทรั
พยากรจากสั
งคมเมื
องไปให้
กั
บ
๒
กาญจนา แก้
วเทพ. ๒๕๓๘. การพั
ฒนาแนววั
ฒนธรรมชุ
มชนโดยถื
อมนุ
ษย์
เป็
นศู
นย์
กลาง.
กรุ
งเทพฯ : สภาคาทอลิ
กแห่
งประเทศไทยเพื
่
อการพั
ฒนา.
๓
สาระสาคั
ญของการประชุ
ม สั
มมนาครั
้
งนั
้
นได้
แก่
๑. การชี
้
ให้
เห็
นความสาคั
ญของวั
ฒนธรรมต่
อการ
พั
ฒนาชนบท๒. การนาเสนอประสบการณ์
ของการพั
ฒนาชนบท โดยอาศั
ยวั
ฒนธรรมของชาวชนบทเองเป็
น
เครื
่
องมื
อที
่
สาคั
ญจากประสบการณ์
ของนั
กพั
ฒนาเอกชนที
่
น่
าสนใจ คื
อ นอกเหนื
อจากการสั
มมนาดั
งกล่
าวจะ
ช่
วยให้
แนวคิ
ดว่
าด้
วยการรื
้
อฟื
้
นและพั
ฒนาวั
ฒนธรรมชาวบ้
านกั
บการพั
ฒนาชนบท ได้
เป็
นที
่
ถกเถี
ยง
แลกเปลี
่
ยนเพื
่
อนาไปสู
่
พั
ฒนาการที
่
ทาให้
มี
ความชั
ดเจน เป็
นระบบมากขึ
้
นในระยะต่
อมาแล้
ว การสั
มมนา
ดั
งกล่
าวยั
งชี
้
ให้
เห็
นว่
า แนวทางดั
งกล่
าวมิ
ได้
เป็
นเรื
่
องเพ้
อฝ ั
น แต่
เป็
นแนวทางที
่
สามารถนาไปใช้
ได้
จริ
งในทาง
ปฏิ
บั
ติ
ทว่
าต้
องอาศั
ยความชานาญ การเรี
ยนรู
้
และประสบการณ์
ที
่
ยาวนานของนั
กพั
ฒนากั
บชาวบ้
าน
๔
ยุ
กติ
มุ
กดาวิ
จิ
ตร. ๒๕๓๘. “การเขี
ยนวั
ฒนธรรมชุ
มชน : บทวิ
พากษ์
กระแสต้
านโลกานุ
วั
ตร/
ภิ
วั
ตน์
”, วารสารธรรมศาสตร์
. ๓,๔๐ (กั
นยายน-ธั
นวาคม๒๕๓๘), ๓๙ - ๔๐.