nt139 - page 9

จั
งหวั
ดลํ
าปางเป็
นแหล่
งอารยธรรมล้
านนาไทยที่
น่
าสนใจไม่
น้
อยไปกว่
าจั
งหวั
ดใดๆ ชาวลํ
าปางมี
วิ
ถี
ชี
วิ
ตที่
เรี
ยบ
ง่
าย คงไว้
ซึ่
งขนบธรรมเนี
ยมประเพณี
ที่
สื
บทอดกั
นมาแต่
โบราณ และเป็
นเมื
องที่
มี
เอกลั
กษณ์
โดดเด่
นเป็
นของตนเอง
คนทั่
วไปจะรู้
จั
กกั
นดี
ว่
าจั
งหวั
ดลํ
าปางเป็
นเมื
องรถม้
า ซึ่
งนอกจากใช้
เป็
นพาหนะสั
ญจรแล้
ว รถม้
ายั
งเป็
นสั
ญลั
กษณ์
ทางการท่
องเที่
ยวที่
สํ
าคั
ญของจั
งหวั
ดลํ
าปางอี
กด้
วย
รถม้
าที่
เข้
ามาในประเทศไทยครั้
งแรก เริ่
มตั้
งแต่
รั
ชสมั
ยของพระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว เมื
องไทย
ได้
รั
บตกทอดมาจากอั
งกฤษและอิ
นเดี
ยเป็
นส่
วนใหญ่
โดยถื
อกั
นว่
ารถม้
าเป็
นพาหนะคู่
บ้
านคู่
เมื
อง ถึ
งขนาดในรั
ชสมั
ของพระบาทสมเด็
จพระจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว ทรงสั่
งรถม้
าเข้
ามาเป็
นจํ
านวนมากโดยให้
ใช้
เป็
นราชรถหลวงและตั้
งกรม
ดู
แล ชื่
อว่
า “กรมอั
ศวราช” จนกระทั่
งรถยนต์
เริ่
มเข้
ามามี
บทบาท รถม้
าจึ
งถู
กนํ
าไปอยู่
ตามหั
วเมื
องต่
างๆ พร้
อมๆกั
พวกแขกมลายู
ที่
ช่
วงหนึ่
งเข้
ามาขั
บรถม้
าในเมื
องไทย ( นพวรรณ ศิ
ริ
เวชกุ
ล , 2548 )
ในปี
พ.ศ. 2458 ซึ่
งตรงกั
บรั
ชสมั
ยของพระบาทสมเด็
จพระมงกุ
ฏเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว ประเทศไทยได้
วางรางรถไฟ
ขึ้
นมาถึ
งเมื
องลํ
าปาง มี
การขนรถม้
าจากกรุ
งเทพฯขึ้
นรถไฟมาด้
วย ทั้
งนี้
เป็
นเพราะโครงการต่
อเชื่
อมถนนสาย 3 ซึ่
เป็
นถนนสายแรกหลั
งจากสถาปนากรมทาง โดยเป็
นสายที่
ทอดตั
วจากลํ
าปางไปถึ
งเชี
ยงราย รถม้
าจึ
งได้
เข้
ามามี
บทบาทสํ
าคั
ญด้
วยการเป็
นพาหนะรั
บส่
งผู้
โดยสารจากตั
วสถานี
รถไฟนครลํ
าปางเข้
าสู่
ตั
วเมื
อง มี
ระยะทาง 2 กิ
โลเมตร
รถไฟขบวนแรกที่
รถม้
าได้
รั
บผู้
โดยสารที่
ลํ
าปางคื
อวั
นที่
1 เมษายน พ.ศ. 2459 ( ไพโรจน์
ไชยเมื
องชื่
น , 2550 )
ในตอนแรกรถม้
าจะให้
บริ
การพวกแม่
ค้
าบรรทุ
กผั
กไปจํ
าหน่
ายที่
ตลาดเท่
านั้
น ต่
อมาจึ
งกลายเป็
นพาหนะหลั
ในการสั
ญจรในเมื
องลํ
าปาง ปั
จจุ
บั
นแม้
จะใช้
รถยนต์
ในการเป็
นพาหนะตามความเจริ
ญของยุ
คสมั
ย แต่
ชาวลํ
าปางก็
ยั
งคงรั
กษาเอกลั
กษณ์
นี้
ไว้
ทั้
งในการรั
บ - ส่
งผู้
โดยสาร การนํ
าไปทํ
าเป็
นของที่
ระลึ
กในรู
ปแบบต่
างๆ เพื่
อคงไว้
ซึ่
เอกลั
กษณ์
ของเมื
องลํ
าปาง รวมไปถึ
งความต้
องการที่
จะนํ
าเรื่
องราวเกี่
ยวกั
รถม้
าไปถ่
ายทอดให้
กั
บเยาวชนรุ่
นหลั
งเพื่
อให้
มี
ความรั
กในภู
มิ
ปั
ญญาท้
องถิ่
นของตนและร่
วมมื
อกั
นอนุ
รั
กษ์
ต่
อไป
ชุ
มชนบ้
านต้
นธงชั
ย เป็
นชุ
มชนที่
มี
อาชี
พขั
บรถม้
ามากที่
สุ
ดชุ
มชนหนึ่
ง จากการสํ
ารวจรายชื่
อสมาชิ
ผู้
ประกอบการรถม้
าลํ
าปาง มี
สมาชิ
กจากชุ
มชนบ้
านต้
นธงชั
ย 32 คน ในชุ
มชนมี
ทั้
งโรงฝึ
ก โรงเลี้
ยงม้
า โรงงาน
ประกอบรถม้
า นอกจากยึ
ดอาชี
พขั
บรถม้
าแล้
ว ยั
งมี
การรวมกลุ่
มประดิ
ษฐ์
รถม้
าจํ
าลองเพื่
อจํ
าหน่
ายเป็
นของที่
ระลึ
กแก่
นั
กท่
องเที่
ยว สํ
าหรั
บส่
วนประกอบของรถม้
าจํ
าลอง ได้
ย่
อส่
วนจากรถม้
าจริ
ง และถอดแบบส่
วนประกอบของรถม้
เพื่
อความสมจริ
ง จึ
งถื
อได้
ว่
าชุ
มชนบ้
านต้
นธงชั
ยเป็
นแหล่
งเรี
ยนรู้
ด้
านศิ
ลปะที่
เป็
นเอกลั
กษณ์
ในท้
องถิ่
นที่
มี
ความสมบู
รณ์
สามารถนํ
าเนื้
อหาเรื่
องรถม้
ามาใช้
ในระบบการเรี
ยนการสอนในโรงเรี
ยนได้
การนํ
างานศิ
ลปะที่
เป็
นเอกลั
กษณ์
ของท้
องถิ่
นมาใช้
ในการจั
ดการเรี
ยนการสอนสาระทั
ศนศิ
ลป์
ในกลุ่
มสาระการ
เรี
ยนรู้
ศิ
ลปะนั้
น พบว่
ายั
งมี
ไม่
มากนั
ก ได้
พบว่
ามี
การจั
ดทํ
าในรู
ปแบบการบู
รณาการระหว่
างวิ
ชา เช่
น วิ
ชาภาษาไทย
กั
บวิ
ชาสั
งคม เป็
นต้
น โดยการเชื่
อมโยงเรื่
องราวของประเพณี
ศิ
ลปวั
ฒนธรรมในท้
องถิ่
น และเป็
นเรื่
องราวในท้
องถิ่
ที่
โรงเรี
ยนแห่
งนั้
นตั้
งอยู่
ส่
วนวิ
ชาทั
ศนศิ
ลป์
โดยตรงนั้
นได้
มี
การจั
ดทํ
2
เป็
นโครงการระยะสั้
น ให้
ปราชญ์
ท้
องถิ่
นเข้
ามาแนะนํ
า สาธิ
ตให้
ดู
และฝึ
กทํ
าที
ละขั้
นตอน ปั
ญหาที่
พบคื
อปราชญ์
ท้
องถิ่
นไม่
สามารถถ่
ายทอดได้
เหมาะสมกั
บพื้
นฐานความรู้
และความสามารถของนั
กเรี
ยน ชิ้
นงานยากเกิ
นไป ครู
ไม่
มี
ส่
วนร่
วมในการสอนกั
บปราชญ์
ท้
องถิ่
น รวมถึ
งการที่
ครู
ไม่
มี
ความรู้
ความเข้
าใจในการทํ
างานศิ
ลปะท้
องถิ่
น และ
1,2,3,4,5,6,7,8 10,11,12,13,14,15,16,17,18,19,...78
Powered by FlippingBook