35
3.2 กรอบแนวคํ
าถามในการวิ
จั
ย
เพื่
อให
การศึ
กษาครั้
งนี้
สามารถให
ข
อมู
ลได
ครบถ
วนตามวั
ตถุ
ประสงค
ของการศึ
กษา
ผู
วิ
จั
ยจึ
งได
กํ
าหนดแนวคํ
าถามในการสั
มภาษณ
เพื่
อใช
เป
นกรอบสํ
าหรั
บการซั
กถาม และสะดวก
สํ
าหรั
บการเก็
บรวบรวมข
อมู
ลดั
งรายละเอี
ยดที่
ปรากฏในภาคผนวกก
3.3 เครื่
องมื
อที่
ใช
ในการศึ
กษาและการเก็
บรวบรวมข
อมู
ล
ผู
วิ
จั
ยใช
วิ
ธี
การเก็
บข
อมู
ลในลั
กษณะการเก็
บข
อมู
ลเชิ
งคุ
ณภาพแบบปฏิ
บั
ติ
การอย
าง
มี
ส
วนร
วมซึ่
งได
ดํ
าเนิ
นการตามขั้
นตอนใหญ
ๆ3ขั้
นตอน ได
แก
ขั้
นที่
1 เก็
บข
อมู
ลเชิ
งคุ
ณภาพ
โดยการศึ
กษาบริ
บทชุ
มชนด
านสนามหรื
อพื้
นที่
โดยการสั
มภาษณ
และการสั
งเกตอย
างมี
ส
วนร
วมและไม
มี
ส
วนร
วมและได
มาซึ่
งข
อมู
ลชุ
มชน
ขั้
นที่
2 ศึ
กษาโดยการวิ
จั
ยเชิ
งปฏิ
บั
ติ
การอย
างมี
ส
วนร
วม
ข
อมู
ลเกี่
ยวกั
บความ
คิ
ดเห็
นและการมี
ส
วนร
วมในกระบวนการเรี
ยนรู
แต
ละครั้
ง กิ
จกรรมกระบวนการเรี
ยนรู
แต
ละ
ขั้
นตอนของคณะทํ
างานชุ
มชนที่
กระทํ
าร
วมกั
น ที่
เกิ
ดขึ้
นเริ่
มต
นจากการคิ
ดร
วมกั
น แลกเปลี่
ยน
ความรู
ร
วมกั
น โดยใช
การเล
าเรื่
อง (Storytelling) ในขณะเดี
ยวกั
นผู
วิ
จั
ยได
รวบรวมข
อมู
ลและ
ปรากฏการณ
ที่
เกิ
ดขึ้
นในการวิ
จั
ย เป
นรู
ปแบบการจั
ดการความรู
ในชุ
มชน
ขั้
นที่
3 ประมวลผลและวิ
เคราะห
ข
อมู
ล
โดยวิ
เคราะห
ข
อมู
ลจากข
อมู
ลชุ
มชนและ
รู
ปแบบการจั
ดการความรู
ที่
เกิ
ดขึ้
นผ
านกระบวนการวิ
จั
ยและสั
งเคราะห
เป
นแบบจํ
าลองการจั
ดการ
ความรู
และรั
บรองแบบจํ
าลองฯ โดยผู
เชี่
ยวชาญ
3.4 การวิ
เคราะห
ข
อมู
ล
นํ
าข
อมู
ลที่
ได
จากการวิ
จั
ยมาจั
ดทํ
าให
เป
นระบบ แยกแยะและหาความสั
มพั
นธ
เชื่
อมโยงของข
อมู
ล วิ
เคราะห
และอภิ
ปรายผล ซึ่
งการวิ
จั
ยนี้
มี
การวิ
เคราะห
ข
อมู
ลอยู
ในช
วงการ
ดํ
าเนิ
นการทุ
กขั้
นตอน ข
อมู
ลที่
ได
จะเป
นการสรุ
ปกระบวนการต
าง ๆ ในการดํ
าเนิ
นการจั
ดการ
ความรู
ดั
งนั้
นอาจได
องค
ความรู
ใหม
ๆ ในรู
ปของกระบวนการจั
ดการความรู
ในรู
ปแบบของชุ
มชนที่
ทํ
าการวิ
จั
ย