bk132 - page 54

35
3.2 กรอบแนวคํ
าถามในการวิ
จั
เพื่
อให
การศึ
กษาครั้
งนี้
สามารถให
ข
อมู
ลได
ครบถ
วนตามวั
ตถุ
ประสงค
ของการศึ
กษา
ผู
วิ
จั
ยจึ
งได
กํ
าหนดแนวคํ
าถามในการสั
มภาษณ
เพื่
อใช
เป
นกรอบสํ
าหรั
บการซั
กถาม และสะดวก
สํ
าหรั
บการเก็
บรวบรวมข
อมู
ลดั
งรายละเอี
ยดที่
ปรากฏในภาคผนวกก
3.3 เครื่
องมื
อที่
ใช
ในการศึ
กษาและการเก็
บรวบรวมข
อมู
ผู
วิ
จั
ยใช
วิ
ธี
การเก็
บข
อมู
ลในลั
กษณะการเก็
บข
อมู
ลเชิ
งคุ
ณภาพแบบปฏิ
บั
ติ
การอย
าง
มี
ส
วนร
วมซึ่
งได
ดํ
าเนิ
นการตามขั้
นตอนใหญ
ๆ3ขั้
นตอน ได
แก
ขั้
นที่
1 เก็
บข
อมู
ลเชิ
งคุ
ณภาพ
โดยการศึ
กษาบริ
บทชุ
มชนด
านสนามหรื
อพื้
นที่
โดยการสั
มภาษณ
และการสั
งเกตอย
างมี
ส
วนร
วมและไม
มี
ส
วนร
วมและได
มาซึ่
งข
อมู
ลชุ
มชน
ขั้
นที่
2 ศึ
กษาโดยการวิ
จั
ยเชิ
งปฏิ
บั
ติ
การอย
างมี
ส
วนร
วม
ข
อมู
ลเกี่
ยวกั
บความ
คิ
ดเห็
นและการมี
ส
วนร
วมในกระบวนการเรี
ยนรู
แต
ละครั้
ง กิ
จกรรมกระบวนการเรี
ยนรู
แต
ละ
ขั้
นตอนของคณะทํ
างานชุ
มชนที่
กระทํ
าร
วมกั
น ที่
เกิ
ดขึ้
นเริ่
มต
นจากการคิ
ดร
วมกั
น แลกเปลี่
ยน
ความรู
ร
วมกั
น โดยใช
การเล
าเรื่
อง (Storytelling) ในขณะเดี
ยวกั
นผู
วิ
จั
ยได
รวบรวมข
อมู
ลและ
ปรากฏการณ
ที่
เกิ
ดขึ้
นในการวิ
จั
ย เป
นรู
ปแบบการจั
ดการความรู
ในชุ
มชน
ขั้
นที่
3 ประมวลผลและวิ
เคราะห
ข
อมู
โดยวิ
เคราะห
ข
อมู
ลจากข
อมู
ลชุ
มชนและ
รู
ปแบบการจั
ดการความรู
ที่
เกิ
ดขึ้
นผ
านกระบวนการวิ
จั
ยและสั
งเคราะห
เป
นแบบจํ
าลองการจั
ดการ
ความรู
และรั
บรองแบบจํ
าลองฯ โดยผู
เชี่
ยวชาญ
3.4 การวิ
เคราะห
ข
อมู
นํ
าข
อมู
ลที่
ได
จากการวิ
จั
ยมาจั
ดทํ
าให
เป
นระบบ แยกแยะและหาความสั
มพั
นธ
เชื่
อมโยงของข
อมู
ล วิ
เคราะห
และอภิ
ปรายผล ซึ่
งการวิ
จั
ยนี้
มี
การวิ
เคราะห
ข
อมู
ลอยู
ในช
วงการ
ดํ
าเนิ
นการทุ
กขั้
นตอน ข
อมู
ลที่
ได
จะเป
นการสรุ
ปกระบวนการต
าง ๆ ในการดํ
าเนิ
นการจั
ดการ
ความรู
ดั
งนั้
นอาจได
องค
ความรู
ใหม
ๆ ในรู
ปของกระบวนการจั
ดการความรู
ในรู
ปแบบของชุ
มชนที่
ทํ
าการวิ
จั
1...,36,37,38,40-41,42-43,44-45,46-47,48-49,50-51,52-53 55,56,57,58,59,60,61,62,63,64,...173
Powered by FlippingBook