st128 - page 29

10
บทที่ 2
กรอบแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การวิจัยเรื่องการจั ดการมรดกวัฒนธรรมในพื้นที่ขั ดแย้ง กรณีศึกษาตานานมัสยิ ดกรือ
เซะ ผู้วิจัยได้ใช้ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแนวทางการศึกษาวิจัยโดยมีลาดับการ
นาเสนอ ดังนี้
2.1 ตานานมัสยิดกรือเซะ
2.2 ทฤษฎีการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม
2.3 แนวคิดเกี่ยวกับการใช้มรดกวัฒนธรรม
2.4 แนวคิดเกี่ยวกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
2.5 เอกสารและงานวิ จัยที่เกี่ ยวข้อง
2.1 ตานานมัสยิดกรือเซะ
2.1.1 มัสยิ ดและการเข้ามาของศาสนาอิสลามในปัตตานี
คาว่า “มัสยิ ด” หมายถึ งบ้านของพระเจ้ า เป็ นคาตามภาษาอาหรับ ขณะที่ คาว่ า
“สุเหร่ า” หรือ “เสร่า” เป็นคาที่ มาจากภาษามลายูซึ่งได้มาจากชาวตุ รกีอี กทอดหนึ่งซึ่งคนไทยใช้ กัน
ทั่วไปสาหรับเรี ยกมัสยิดซึ่งเป็นคาเรี ยกอย่างเป็ นทางการ ในสามจังหวั ดชายแดนภาคใต้ของไทย
มัสยิดกั บสุเหร่ามีความแตกต่างกันตรงที่มัสยิดใหญ่กว่าสุเหร่ า บางชุมชนมีเพียงสุเหร่ าและไม่สามารถ
สร้ างมัสยิดได้หากจานวนประชากรไม่เพี ยงพอ และอยู่ใกล้ กับมั สยิดที่มี อยู่แล้ วมากเกินไป (โครงการ
พิทักษ์มรดกสยาม, 2554)
ในฐานะที่มัสยิดเป็ นสถานที่ซึ่งอิสลามิกชนใช้ เป็นที่ประกอบพิธี กรรมทางศาสนาอิสลาม
(ราชบัณทิตยสถาน, 2546, น. 854) มัสยิดจึ งเป็นสถานที่สาคัญต่อวิถีชีวิ ตชาวมุสลิ ม มัสยิดมีหน้าที่ 2
อย่าง คื อ หน้าที่ ในทางศาสนาและหน้าที่ในทางสังคมการเมือง (โครงการพิทักษ์ มรดกสยาม, 2554)
มั สยิดเป็ นที่ของการสอนสั่ง ให้คาปรึ กษาแลกเปลี่ยน เรื่ องข้อปรึกษาไม่ได้ มีเฉพาะเรื่ องที่ เกี่ยวกับ
ศาสนาเท่านั้นแต่ยังมี ตั้งแต่ ปัญหาระดับโลกไปจนถึ งการเมืองท้องถิ่ น ด้วยเหตุแห่งประเพณีดั้ งเดิม
นอกจากหลักธรรมและคาสั่งสอน ศาสนาอิ สลามยังหมายรวมถึงวัตรปฎิบัติและวิถี การดาเนินชีวิตด้ วย
การเข้ามาของศาสนาอิสลามในปัตตานีมี ตานานกล่าวว่ า เดิมอาณาจักรมลายูปัตตานี
เป็นอาณาจั กรที่มีความต่อเนื่องมาจากอาณาจักรลั งกาสุกะ ในฮิกายั ตปัตตานีกล่ าวว่าพระราชาแห่งโก
ตามะฮฺลิฆั ย พระนามว่า พญาตู กรุป มหายานา มี พระโอรสหนึ่งพระองค์ มีพระนามว่า พญาตู อันตา