67
ส่
วนเขมรนั
้
นน่
าจะเป็
นชนอี
กเผ่
าหนึ
่
งที่
เข้
ามาภายหลั
งเมื่
อขอมเสื่
อมอํ
านาจลงและหนี
ร่
นเข้
ามาอยู
่
ในดิ
นแดนขอมมาแต่
โบราณกาล ซากปรั
กหั
กพั
งของอารยธรรมขอมโบราณมี
กระจายอยู
่
ทั ่
ว
ดิ
นแดนไทยในปั
จจุ
บั
น โดยเฉพาะในภาคอี
สานตั
้
งแต่
สกลนคร อุ
ดรธานี
เรื่
อยมาทาง ขอนแก่
น
นครราชสี
มา จนถึ
งบุ
รี
รั
มย์
ศรี
สะเกษ อุ
บล และขึ
้
นทางเหนื
อ ลพบุ
รี
ศรี
เทพ (เพชรบู
รณ์
) ศรี
สั
ชนา
ลั
ย (สุ
โขทั
ย) อุ
ตรดิ
ตถ์
หริ
ภุ
ญชั
ย (ลํ
าพู
น) เรี
ยกได้
ว่
าแผ่
นดิ
นไทยทั
้
งหมดเป็
นอายธรรมขอม ซึ
่
งกิ
น
พื
้
นที่
ใหญ่
กว่
าแดนเขมรปั
จจุ
บั
นตั
้
ง 4 เท่
า แล้
วก็
เลื
อนหายไปจากประวั
ติ
ศาสตร์
แต่
ชนเผ่
าจํ
านวน
มากในพื
้
นที่
ดั
งกล่
าว มี
เทคโนโลยี
และวั
ฒนธรรมอั
นสู
งส่
งจะเลื
อนหายไปได้
อย่
างไร หรื
อว่
ามั
นอยู
่
ที่
เดิ
มเพี
ยงแต่
เปลี่
ยนการเรี
ยกชื่
อ หรื
อ “ถู
กเรี
ยกชื่
อใหม่
” ใหม่
ตามแต่
นั
กประวั
ติ
ศาสตร์
(ฝรั ่
ง)
อยากจะเรี
ยก ซึ
่
งชั
กนํ
าให้
นั
กวิ
ชาการไทยสรุ
ปตามฝรั ่
งว่
าขอมคื
อบรรพบุ
รุ
ษของเขมร
ในกรณี
ที่
เห็
นได้
ชั
ด เช่
น
มี
การตี
ความหมาย คํ
าว่
า “ขอม”
ไม่
ใช่
“เขมร” เพราะ ชื่
อ
ประเทศเขมร หรื
อการออกเสี
ยงในภาษาเขมร “แขมร” ส่
วนใหญ่
ชาวพนมเปญ จะไม่
ออกเสี
ยง
อั
กษร ร. สะกด เพราะจะออกเสี
ยงตามชาวฝรั
่
งเศสที่
เคยปกครองเขมร ชื่
อ ขแมร เป็
นชื่
อแต่
เดิ
ม โดย
ผลั
กเสี
ยงจาก ศั
พท์
ว่
า กเมรุ
เป็
น ขเมรุ
และแผลงเป็
น ขแมร เขมรเองก็
มิ
ได้
เรี
ยกตั
วเองว่
า “ขอม”
(บุ
ญเรื
อง คั
ชมาย์
. 2543) ดั
งนั
้
น คํ
าว่
า “ขอม” อาจเป็
นชื่
อเรี
ยกอารยธรรม ที่
มาจากการผสมผสาน
อารยธรรมอิ
นเดี
ยเข้
าสู
่
อารยธรรมขอมก็
เป็
นได้
ซึ
่
ง ศาสตราจารย์
หม่
อมเจ้
าสุ
ภั
ทรดิ
ศ ดิ
ศกุ
ล ก็
ทรง
ใช้
คํ
าว่
าขอมในศิ
ลปะที่
รั
บอารยธรรมอิ
นเดี
ยมาหลอมเข้
ากั
บวั
ฒนธรรมเดิ
มของตนจนกลายเป็
น
วั
ฒนธรรมขอม ที่
มี
อั
ตลั
กษณ์
ของตนเองเด่
นชั
ด และวั
ฒนธรรมนี
้
กระจายไปทั ่
วพื
้
นที่
อาณาบริ
เวณ
เทื
อกเขาดงรั
ก
จิ
ตร ภู
มิ
ศั
กดิ
์
(2547 : 169) กล่
าวว่
า “อั
กษรขอมนี
้
แหละคื
อซากที่
ยื
นย ั
นความมี
อยู
ของ
ชนชาติ
ขอมที่
เป็
นอี
กชาติ
หนึ
่
งต่
างหาก ไม่
ใช่
เขมร เหตุ
ผลที่
ยื
นย ั
นว่
าอั
กษรขอมไม่
ใช่
เขมร คื
อ
อั
กษรขอมมรู
ปร่
างไม่
เหมื
อนอั
กษรเขมรที่
ใช้
กั
นอยู
่
ในเมื
องเขมร” และได้
ยื
นย ั
นว่
า “ขอม” ไม่
ใช่
“เขมร” โดยกล่
าวว่
า “ข้
าพเจ้
าขอยื
นย ั
นว่
า กล๋
อม-ขอม เป็
นชื่
อที่
ใช้
โดยคนหลายถิ
่
นหลายภาษา เพื่
อ
เรี
ยกชื่
อชนชาติ
หลายถิ
่
นหลายภาษาด้
วยกั
น หาใช่
ชื่
อเรี
ยกชนชาติ
ใดชาติ
หนึ
่
งเพี
ยงชนชาติ
เดี
ยวโดย
ยึ
ดสายเลื
อดหรื
อเชื
้
อชาติ
เป็
นเกณฑ์
ไม่
” และ “ข้
าพเจ้
าขอยื
นย ั
นว่
า กล๋
อม-ขอม มิ
ใช่
ชนชาติ
ที่
ใครจะ
คิ
ดผสมสายเลื
อดขึ
้
นเป็
นชนชาติ
ใหม่
ได้
…เช่
นเดี
ยวกั
บคํ
า ข่
า เป็
นคํ
าเรี
ยกชนชาติ
ในตระกู
ลมอญ-
เขมรด้
วย ตระกู
ลชวา-มลายู
ด้
วย และตระกู
ลพม่
าทิ
เบตด้
วย จะเอาชนชาติ
ทั
้
งสามรวมเข้
าด้
วยกั
น
เป็
นชนชาติ
ข่
า ไม่
ได้
”
ทองสื
บ ศุ
ภมาร์
ค (2526 : 3) กล่
าวว่
า เขมรมี
2 พวก คื
อพวกที่
อยู
่
ในพื
้
นที่
ราบสู
ง
ตอนบนของภู
เขาดงรั
ก (จั
งหวั
ดสุ
ริ
นทร์
บุ
รี
รั
มย์
ศรี
สะเกษ ) ในประเทศไทย เรี
ยกว่
า “แขมร์
เลอ”
แปลว่
า “เขมร์
ตอนบน” หรื
อ “เขมรเหนื
อ” ส่
วนพวกที่
อยู
่
ในที่
ราบตํ
่
า เรี
ยกว่
า “แขมร์
กรอม”