Page 106 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

88
ถ่
ายนํ
าหนั
กเหล่
านั
นผ่
านเสาประดั
บกรอบประตู
ที่
ทํ
าหน้
าที่
รองรอบทั
บหลั
งลงมาสู ่
ฐานปราสาท
หน้
าที่
ของทั
บหลั
งปราสาทมี
ความสํ
าคั
ญ ดั
งนี
1.1 ทั
บหลั
งปราสาทบอกคติ
ความเชื่
อของคนในชุ
มชนในยุ
คสมั
ยนั
นๆ ซึ
โดยทั
วไปการก่
อสร้
างปราสาทแบบเขมรมั
กนิ
ยมแกะสลั
กลวดลายรู
ปแบบต่
างๆ เช่
น ภาพสลั
กเล่
เรื่
อง / รู
ปบุ
คคลอยู
ท่
ามกลางลายพั
นธุ
พฤกษา มี
รู
ปสั
ตว์
อื่
นๆ เข้
ามาประกอบเพื่
อประดั
บตกแต่
งให้
เกิ
ดความงาม ในขณะเดี
ยวกั
นก็
จะถ่
ายทอดเรื่
องราวต่
างๆ เกี่
ยวกั
บคติ
ความเชื่
อทางศาสนา
ชี
วประวั
ติ
ของวี
รบุ
รุ
ษที่
คนในชุ
มชนยกย่
องนั
บถื
อ ตลอดจนภาพวิ
ถี
ชี
วิ
ตและสิ
งแวดล้
อมในยุ
คสมั
นั
นเข้
ามาประกอบ ภาพสลั
กเล่
าเรื่
องบนทั
บปราสาทเหล่
านั
นจะเป็
นหลั
กฐานข้
อมู
ลบอกให้
ทราบ
ว่
าศาสนสถานนั
นๆ สร้
างขึ
นเพื่
ออุ
ทิ
ศถวายแด่
เทพเจ้
าองค์
ใด ถึ
งแม้
ว่
าประติ
มากรรมรู
ปเคารพซึ
เป็
นประธานของศาสนสถานจะหายไปแล้
วก็
ตาม โดยทั ่
วไปย ั
งนิ
ยมถื
อเอาภาพสลั
กบนศิ
ลาทั
บหลั
ที่
ติ
ดอยู
กั
บองค์
ปรางค์
ประธานเหนื
อประตู
ทางเข้
าด้
านทิ
ศตะวั
นออกเป็
นเกณฑ์
ในการพิ
จารณา
1.2 ทั
บหลั
งปราสาทใช้
กํ
าหนดอายุ
สมั
ยรู
ปแบบศิ
ลปะ นั
กโบราณคดี
จะใช้
ศิ
ลาทั
หลั
งที่
มี
ภาพสลั
กเล่
าเรื่
องนั
นเป็
นข้
อมู
ลสํ
าคั
ญในการศึ
กษาวิ
วั
ฒนาการรู
ปแบบทางศิ
ลปกรรมเขมร
ควบคู
ไปกั
บเสาประดั
บกรอบประตู
ทั
งนี
เพราะองค์
ประกอบทางสถาปั
ตยกรรมทั
งสองประเภทนี
นิ
ยมสลั
กจากหิ
นทราย ซึ
งเป็
นวั
สดุ
ที่
คงทนถาวรมาตั
งแต่
สมั
ยแรกสุ
ดจนกระทั
งถึ
งสมั
ยท้
ายสุ
ด เมื่
เห็
นว่
าวิ
วั
ฒนาการทางด้
านศิ
ลปกรรมสอดคล้
องกั
นก็
จะนํ
าไปศึ
กษาร่
วมกั
บองค์
ประกอบทาง
สถาปั
ตยกรรมประเภทอื่
นๆ ได้
แก่
ตั
วปราสาท เสาติ
ดกั
บผนั
ง หน้
าบั
น ตลอดจนรู
ปประติ
มากรรม
ต่
างๆ ที่
พบร่
วมกั
น จนกระทั
งเชื่
อว่
าข้
อมู
ลทั
งหมดเป็
นไปในทิ
ศทางเดี
ยวกั
นจึ
งนํ
าไปเปรี
ยบเที
ยบ
กั
บศั
กราชจากศิ
ลาจารึ
2. ศิ
ลปะขอมโบราณในประเทศไทย
รู
ปแบบทางศิ
ลปกรรมระหว่
างประเทศไทยและประเทศกั
มพู
ชานั
น มี
ลั
กษณะที่
คล้
ายคลึ
งกั
น เพราะได้
รั
บอิ
ทธิ
พลจากศิ
ลปะขอมโบราณ รู
ปแบบทั
บหลั
งที่
เก่
าแก่
ที่
สุ
ดในประเทศ
ไทยเป็
นทั
บหลั
งแบบถาลาบริ
วั
ต ส่
วนใหญ่
จะพบในแถบจั
งหวั
ดจั
นทบุ
รี
มี
อายุ
ราวกลางพุ
ทธ
ศตวรรษที่
12 ภาพสลั
กมี
ลั
กษณะคล้
ายคลึ
งกั
บภาพสลั
กในถํ
าเอลโลร่
าที่
6 ในศิ
ลปะแบบคุ
ปตะ
ของอิ
นเดี
ย ส่
วนในภาคตะวั
นออกเฉี
ยงเหนื
อที่
จั
งหวั
ดอุ
บลราชธานี
ได้
ปรากฏทั
บหลั
งชิ
นหนึ
งซึ
แสดงถึ
งรู
ปแบบศิ
ลปะในสมั
ยหั
วเลี
ยวหั
วต่
อระหว่
างศิ
ลปะแบบถาลาบริ
วั
ตกั
บศิ
ลปะแบบสมโบร์
ไพรกุ
ก ซึ
งอาจเรี
ยกได้
ว่
าเป็
นศิ
ลปะร่
วมแบบสมโบร์
ไพรกุ
กตอนต้
น ปั
จจุ
บั
นตั
งแสดงอยู
ภายในวั
สุ
ปั
ฎนาราม จั
งหวั
ดอุ
บลราชธานี
สํ
าหรั
บทั
บหลั
งในศิ
ลปะแบบสมั
ยสมโบร์
ไพรกุ
กอย่
างแท้
จริ
คื
อ ทั
บหลั
งของปราสาทเขาน้
อย อํ
าเภออรั
ญประเทศ จั
งหวั
ดปราจี
นบุ
รี
ส่
วนทั
บหลั
งในยุ
คต่
อมา
คื
อ ศิ
ลปะแบบไพรกเม็
ง ซึ
งมี
ปรากฏให้
เห็
นอยู
หลายแห่
งด้
วยกั
น เช่
น ทั
บหลั
งของปราสาทบ้
าน