Page 45 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

๓๕
๕.๒ ผู้
เกี่
ยวข้
อง (Casual Informants) จํ
านวน ๑๑ คน ประกอบด้
วย
๕.๒.๑ นั
กวิ
ชาการด้
านนาฏศิ
ลป์
ดนตรี
และการแสดงพื้
นบ้
าน จํ
านวน ๓ คน
๕.๒.๒ เจ้
าภาพ หรื
อเจ้
าของงานที่
ติ
ดต่
อจั
ดหาลิ
เกไปแสดง จํ
านวน ๕ คน
๕.๒.๓ ผู้
จั
ดทํ
า หรื
อจั
ดจํ
าหน่
ายวี
ซี
ดี
การแสดงลิ
เก จํ
านวน ๓ คน
๕.๓ ประชาชนทั่
วไป จํ
านวน ๔๐ คน
๕.๓.๑ ผู้
ชมที่
เป็
นนั
กเรี
ยน นั
กศึ
กษา หรื
อเยาวชน จํ
านวน ๑๐ คน
๕.๓.๒ ผู้
ชมที่
เป็
นครู
อาจารย์
หรื
อข้
าราชการ จํ
านวน ๑๐ คน
๕.๓.๓ ผู้
ชมที่
เป็
นประชาชนทั่
วไป จํ
านวน ๒๐ คน
การดํ
าเนิ
นการวิ
จั
๑. เครื
องมื
อที่
ใช้
ในการเก็
บรวบรวมข้
อมู
การวิ
จั
ยครั้
งนี้
เครื่
องมื
อหรื
อวิ
ธี
การที่
ใช้
ในการเก็
บรวบรวมข้
อมู
ลประกอบด้
วย การสั
งเกต
การสั
มภาษณ์
และการสนทนากลุ่
ม ซึ่
งมี
รายละเอี
ยดวิ
ธี
การดั
งนี้
๑. การสั
งเกต (Observation) ผู้
วิ
จั
ยไปเฝ้
าดู
ชม ฟั
งการแสดงลิ
เกตามงานต่
าง ๆ เพื่
อทํ
าความ
เข้
าใจ รู้
จั
ก และได้
ข้
อมู
ลที่
ต้
องการซึ่
งสอดคล้
องกั
บวั
ตถุ
ประสงค์
ของการวิ
จั
ยโดยใช้
วิ
ธี
การสั
งเกต ๒ วิ
ธี
ดั
งนี้
๑.๑ การสั
งเกตแบบมี
ส่
วนร่
วม (Participant Observation) ผู้
วิ
จั
ยเข้
าไปมี
ส่
วนร่
วมอยู่
ใน
คณะลิ
เกทั้
งในเวลาแสดงและนอกเวลาแสดง เพื่
อสั
งเกตพฤติ
กรรม หรื
อสภาพเหตุ
การณ์
ความเป็
นไปใน
ลั
กษณะต่
าง ๆ ที่
ดํ
าเนิ
นอยู
ในขณะนั้
น ๆ ตั้
งแต่
ต้
นจนจบ ศึ
กษาองค์
ประกอบและรู
ปแบบการแสดงของ
คณะลิ
เก กระบวนการทํ
างานของคณะลิ
เก รวมทั้
งผู้
ที่
มี
ส่
วนเกี่
ยวข้
อง โดยมี
การบั
นทึ
กข้
อมู
ลจากการ
สั
งเกตไว้
เป็
นลายลั
กษณ์
อั
กษร เพื่
อนํ
ามาเป็
นข้
อมู
ลการวิ
จั
ยต่
อไป
๑.๒ การสั
งเกตแบบไม่
มี
ส่
วนร่
วม (Non- participant Observation) ผู้
วิ
จั
ยเข้
าไปร่
วม
กิ
จกรรมของชุ
มชนซึ่
งมี
การแสดงลิ
เกในงาน เช่
น งานประจํ
าปี
ของวั
ด งานปิ
ดทองฝั
งลู
กนิ
มิ
ต หรื
องานที่
หน่
วยงานต่
าง ๆ จั
ดขึ้
น รวมถึ
งงานตามบ้
านของประชาชนด้
วย ทั้
งนี้
ผู้
วิ
จั
ยมิ
ได้
เข้
าไปเกี่
ยวข้
องกั
บคณะลิ
เก
เพี
ยงแต่
สั
งเกตอยู่
ห่
าง ๆ นอกจากสั
งเกตเกี่
ยวกั
บคณะลิ
เกแล้
ว ยั
งสั
งเกตเกี่
ยวกั
บสภาพทั่
วไป เช่
น การมี
ส่
วนร่
วมของประชาชน สภาพแวดล้
อมของชุ
มชนวิ
ถี
ชี
วิ
ตของคนในชุ
มชน เป็
นต้
น หลั
งจากสั
งเกตแล้
วมี
การบั
นทึ
กไว้
เป็
นลายลั
กษณ์
อั
กษรเพื่
อนํ
ามาเป็
นข้
อมู
ลการวิ
จั
ยต่
อไป
๒. การสั
มภาษณ์
(Interviews) ผู้
วิ
จั
ยเข้
าไปสนทนา พู
ดคุ
ยกั
บบุ
คคลที
เกี่
ยวข้
องเพื่
อให้
ได้
คํ
าตอบ
และข้
อคิ
ดเห็
นที่
ต้
องการซึ่
งสอดคล้
องกั
บวั
ตถุ
ประสงค์
ของการวิ
จั
ย โดยใช้
วิ
ธี
การสั
มภาษณ์
๒ วิ
ธี
ดั
งนี้
๒.๑ การสั
มภาษณ์
แบบมี
โครงสร้
าง (Structured Interview) ผู้
วิ
จั
ยกํ
าหนดประเด็
คํ
าถามไว้
ชั
ดเจน สํ
าหรั
บถามบุ
คคลที่
เกี่
ยวข้
องกั
บการวิ
จั
ยในครั้
งนี้
ได้
แก่
หั
วหน้
าคณะ ศิ
ลปิ
นลิ
เก ผู้
บรรเลง
ดนตรี
นั
กวิ
ชาการ เจ้
าภาพ ผู้
จั
ดทํ
าหรื
อจั
ดจํ
าหน่
ายวี
ซี
ดี
การแสดงลิ
เก และประชาชนทั่
วไป ซึ่
งเป็
นคํ
าถาม
เกี่
ยวกั
บข้
อมู
ลทั่
วไป ประวั
ติ
ความเป็
นมาของคณะลิ
เก องค์
ประกอบและรู
ปแบบในการแสดงลิ
เก การ
สร้
างสรรค์
ผลงาน ความคลี่
คลายเปลี่
ยนแปลงด้
านภู
มิ
ปั
ญญาและภาพสะท้
อนทางวั
ฒนธรรมที่
ปรากฏอยู่
ในการแสดงลิ
เก การนํ
าหลั
กปรั
ชญาเศรษฐกิ
จพอเพี
ยงมาใช้
กั
บการแสดงลิ
เก