Page 21 - งานวิจัย - www.culture.go.th/research

Basic HTML Version

๑๑
๒.๒ ลั
กษณะของวั
ฒนธรรม
สํ
านั
กงานคณะกรรมการวั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
(๒๕๕๑ : ๑) กล่
าวว่
า ลั
กษณะสํ
าคั
ญพื้
นฐาน
ของวั
ฒนธรรม มี
๒ ประการคื
๑. การเปลี่
ยนแปลงและพลวั
ตร
๒. ความเป็
นสมบั
ติ
และสื
บทอดมรดก
วิ
เชี
ยร ณ นคร (๒๕๓๗ : ๓ - ๔)
กล่
าวถึ
งลั
กษณะสํ
าคั
ญของวั
ฒนธรรม มี
๓ ประการ พอ
สรุ
ปได้
ดั
งนี้
๑. เป็
นสิ่
งที่
ได้
มาจากการเรี
ยนรู้
กล่
าวคื
อ วั
ฒนธรรมเกิ
ดจากการเรี
ยนรู้
และประสบการณ์
ของมนุ
ษย์
อั
นเป็
นผลรวมทางด้
านความคิ
ดของมนุ
ษย์
ในแต่
ละสั
งคม
๒. เป็
นมรดกของสั
งคม กล่
าวคื
อ เป็
นสมบั
ติ
ของส่
วนรวมซึ่
งได้
รั
บการถ่
ายทอดจากคนรุ่
ก่
อนไปสู่
รุ่
นใหม่
อย่
างต่
อเนื่
อง
๓. เป็
นสิ่
งไม่
คงที่
กล่
าวคื
อมี
การเปลี่
ยนแปลงอยู
เสมอโดยเกิ
ดจากการคิ
ดค้
นและปรั
บปรุ
แก้
ไขของเดิ
มให้
เหมาะสมกั
บสถานการณ์
ที่
เปลี่
ยนแปลงไป
กระทรวงวั
ฒนธรรม (๒๕๔๖ : ๑๙) กล่
าวถึ
งพระราชบั
ญญั
ติ
เกี่
ยวกั
บวั
ฒนธรรม ตั้
งแต่
พ.ศ.
๒๔๘๓ – ๒๔๘๕ กํ
าหนดวั
ฒนธรรมที่
ชาวไทยจั
กต้
องปฏิ
บั
ติ
รวมได้
๗ ข้
อ ดั
งต่
อไปนี้
๑. ความเป็
นระเบี
ยบเรี
ยบร้
อยในการแต่
งกาย จรรยาและมารยาทในที่
สาธารณสถาน หรื
ที่
ปรากฏแก่
สาธารณชน
๒. ความเป็
นระเบี
ยบเรี
ยบร้
อยในการปฏิ
บั
ติ
ตนและการปฏิ
บั
ติ
ต่
อบ้
านเรื
อน
๓. ความเป็
นระเบี
ยบเรี
ยบร้
อยในการประพฤติ
ตนอั
นเป็
นทางนํ
ามาซึ่
งเกี
ยรติ
ของชาติ
ไทย
และพระพุ
ทธศาสนา
๔. ความมี
สมรรถภาพและมารยาทเกี่
ยวกั
บวิ
ธี
การดํ
าเนิ
นอาชี
๕. ความเจริ
ญงอกงามแห่
งจิ
ตใจและศี
ลธรรมของประชาชน
๖. ความเจริ
ญก้
าวหน้
าในทางวรรณกรรมและศิ
ลปกรรม
๗. ความนิ
ยมไทย
๒.๓ ประเภทของวั
ฒนธรรม
พวงผกา ประเสริ
ฐศิ
ลป์
. ๒๕๔๑ : ๕ - ๖) กล่
าวถึ
งการแบ่
งประเภทของวั
ฒนธรรม ตาม
พระราชบั
ญญั
ติ
วั
ฒนธรรมแห่
งชาติ
พ.ศ. ๒๔๘๕ ว่
าแบ่
งเป็
น ๔ ประเภท ดั
งนี้
๑. คติ
ธรรม (Moral culture) เป็
นวั
ฒนธรรมที่
เกี่
ยวกั
บหลั
กของการดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตในสั
งคม
และส่
วนใหญ่
เป็
นเรื่
องของจิ
ตใจ โดยเน้
นทางด้
านคุ
ณธรรม ศี
ลธรรม เพราะถื
อว่
าเป็
นสิ่
งจํ
าเป็
นของชี
วิ
มนุ
ษย์
เราทุ
กคน ถ้
าหากขาดวั
ฒนธรรมทางด้
านคติ
ธรรมแล้
วจะทํ
าให้
เป็
นมนุ
ษย์
ที่
ไม่
สมบู
รณ์
อยู่
ในสั
งคมได้
ด้
วยความยากลํ
าบาก เข้
ากั
บคนอื่
นได้
ยาก เพราะต้
องมี
ความขยั
นหมั่
นเพี
ยร ความประหยั
ด ความเสี
ยสละ
ความรั
กใคร่
สามั
คคี
ในกลุ่
ม มี
ความซื่
อสั
ตย์
สุ
จริ
ตต่
อตนเอง ทั้
งครอบครั
วและส่
วนรวม ตรงต่
อเวลา รู้
จั
กใช้
สติ
ปั
ญญาในทางที่
ถู
กที่
ควร เหมาะสมกั
บกาลเทศะ
๒. เนติ
ธรรม (Legal culture) เป็
นวั
ฒนธรรมที่
เกี่
ยวกั
บกฎหมาย กฎเกณฑ์
ของสั
งคมหรื
ขนบธรรมเนี
ยมประเพณี
ที่
สั
งคมส่
วนใหญ่
ยอมรั
บว่
ามี
ความสํ
าคั
ญเท่
าเที
ยมกั
นกั
บกฎหมาย ถ้
าหาก
ประชาชนในสั
งคมทุ
กคนต่
างยึ
ดมั่
นในขนบธรรมเนี
ยมประเพณี
มี
คุ
ณธรรมและมี
ศี
ลธรรม กฎหมายนั้